ธ.ก.ส.จับมือ บช.สอท.“บริการเเจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท. ยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ผ่านฟีเจอร์ใหม่ “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” บน LINE Official BAAC Family เช็ก – แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพ หวังลดความเสียหายเกษตรกร


นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ปัญหาภัยไซเบอร์ในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นและมีรูปแบบหลากหลายทวีความรุนแรงมากขึ้น อาทิ การหลอกให้โอนเงินล่วงหน้า การหลอกขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์ปลอมแอบอ้างหน่วยงานรัฐ รวมถึง SMS และ LINE ปลอมแฝงลิงก์มัลแวร์ ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินและชื่อเสียง ธ.ก.ส. จึงร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดตัว “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ฟีเจอร์ใหม่บน LINE Official “BAAC Family” หวังเพิ่มช่องทางการสื่อสารดิจิทัลหลักของธนาคาร ปัจจุบันที่มีผู้ติดตามกว่า 14 ล้านราย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้เข้าถึงเครื่องมือในการเช็ก – แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ บัญชีม้าหรือบัญชีปลอมต้องสงสัย เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยและอันตราย รวมไปถึงการแจ้งเบาะแสอาชญากรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียลไทม์ แบบ “All in one place” ครบจบในแชตเดียว ฟีเจอร์ดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการยกระดับบริการในแพลตฟอร์มดิจิทัลให้เป็นมากกว่าการสื่อสารข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์และบริการ โดยความร่วมมือกับ บช.สอท. ในครั้งนี้ จึงเป็นการพัฒนาบริการที่ ‘ปลอดภัย ใช้ง่าย และเข้าถึงได้จริง’ ที่มีการบูรณาการข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และยังเป็นต้นแบบของการผนึกกำลังระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล’

ด้วยการวางรากฐานระบบ Early Warning จะช่วยให้คนไทยมีความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ซึ่ง ธ.ก.ส. และ บช.สอท. พร้อมเดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันความรู้ด้านภัยไซเบอร์ในวงกว้าง ในการเดินหน้าพัฒนาและยกระดับช่องทางการสื่อสารดิจิทัลต่าง ๆ ของธนาคารไปสู่การเป็นแพลตฟอร์ม ‘Digital Life Partner’ สำหรับประชาชนไทย ที่ไม่ใช่เพียงการให้บริการทางด้านการเงินการธนาคาร แต่ยังครอบคลุมถึงการให้ความรู้ ด้านการบริหารจัดการรายได้ การพัฒนาอาชีพ การดูแลสุขภาพ และความปลอดภัยในด้านทรัพย์สิน เพื่อให้ประชาชนไทยสามารถใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและมีภูมิคุ้มกันทางการเงินอย่างยั่งยืน


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยว่าภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในประเทศไทยทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้ภัยไซเบอร์ไม่เลือกเหยื่อ ทุกคนคือเป้าหมายได้ทันที หากไม่ระวังหรือรู้ไม่เท่าทัน โดยเฉพาะกลุ่มพี่น้องเกษตรกรหรือผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงในการถูกหลอกผ่าน SMS หรือ LINE ที่แอบอ้างว่าเป็นหน่วยงานรัฐ เช่น เงินช่วยเหลือ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนมิจฉาชีพปรับเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงอย่างรวดเร็ว เข้าถึงประชาชนได้ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ ทั้งจากการโทรหลอกลวง พัฒนาไปถึงการใช้เทคโนโลยี Deepfake หรือ AI ปลอมเสียง ปลอมภาพ เพื่อโน้มน้าวให้เหยื่อโอนเงินอย่างแนบเนียน ทุกคนเป็นเหยื่อได้หมด ปัจจุบัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีรายได้จากอาชญากรรม 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี นับว่าสูงมาก คนไทยแม้เป็นประเทศขนาดเล็ก ยังเป็นเหยื่อ อันดับ 5 ของโลก
ภารกิจของ บช.สอท. จึงไม่หยุดอยู่เพียงการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดหลังเกิดเหตุ แต่ต้องทำให้ประชาชนมี ‘เกราะป้องกันเชิงรุก’ และรู้เท่าทันภัยล่วงหน้า โดยมุ่งสร้างเครื่องมือให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ แจ้งเหตุ และรับการแจ้งเตือนภัยไซเบอร์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งความร่วมมือกับ ธ.ก.ส. ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายการป้องกันภัยไซเบอร์สู่กลุ่มประชาชนฐานราก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องเกษตรกร การพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ’ ผ่าน LINE Official BAAC Family ไม่เพียงช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องทันเวลา แต่ยังเป็นแบบอย่างของการนำเทคโนโลยีมาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความรู้ เพื่อให้สังคมไทยสามารถรับมือกับภัยไซเบอร์ได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังได้เปิดตัวคอนเทนต์ซีรีส์ “มุกนี้มิจแน่” คอนเทนต์สนุก เสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่รวบรวมสถานการณ์การหลอกลวงแบบต่าง ๆ ที่พบได้จริง พร้อมเฉลยด้วยข้อมูลสั้น ๆ ให้ประชาชน “จำง่าย และนำไปใช้ได้จริง” โดยเตรียมออนแอร์ผ่านช่องทางดิจิทัลหลักของธนาคาร ได้แก่ LINE, TikTok และ Facebook: BAAC Thailand อย่าลืมเช็กก่อนโอน เพื่อป้องกันตนเองจากอาชญากรรมการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสในการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์และบริการของ ธ.ก.ส. ได้ทุกช่องทาง ผ่าน LINE Official BAAC Family,Facebook: ธกส BAAC Thailand, TikTok / Instagram / X: @baacthailand, www.baac.or.th หรือ Call Center โทร. 02-555-0555 .-515- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

14 รมต.ใหม่ เข้าทำเนียบถ่ายรูป ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ

ทำเนียบ 3 ก.ค.- ชื่นมื่น! 14 รมต.ใหม่ เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ช่วงเช้า ถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ “อรรถกร” มาถึงคนแรก ปิดท้ายด้วย “นายกฯ แพทองธาร” เตรียมประชุม ครม. นัดพิเศษในช่วงบ่าย แบ่งงานรองนายกฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีใหม่ 14 คน ทยอยเดินทางมายังตึกสันติไมตรี เพื่อตรวจเอทีเค ถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีที่เดินทางมาเป็นคนแรก คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้น นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามด้วย นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคเหนือ-อีสานตอนบน-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายภาค ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่างและเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง […]

กู้ร่างครบแล้ว เหตุไฟไหม้โรงงานทิชชู เสียชีวิต 10 ราย

สระบุรี 2 ก.ค. – เหตุไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู ในนิคมเหมราช จ.สระบุรี ล่าสุดพบร่างที่ 10 ซึ่งเป็นร่างสุดท้าย ถือว่าภารกิจการค้นหาสิ้นสุดแล้ว ปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายกว่า 50 ชั่วโมง ยุติลงแล้ว หลังเกิดเพลิงไหม้อาคารบริษัทผลิตกระดาษทิชชู ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิว เอช เอ ซอย 8 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ช่วงเที่ยงวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ทีมกู้ชีพ กู้ภัยร่วมกตัญญู กู้ภัยสว่างรัตนตรัย และกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับฝ่ายปกครอง และชุดค้นหาเร่งระดมสรรพกำลัง ปูพรมค้นหาร่างผู้สูญหาย 10 คน นำโดยนายสันทัศน์ รันดาเว นายอำเภอหนองแค ลงพื้นที่เกาะติดการค้นหาผู้สูญหาย ช่วง 10.30 น. มีรายงานจากทีมค้นหามูลนิธิร่วมกตัญญู แจ้งว่า ที่ชั้นบนของอาคารเกิดเหตุ พบร่างผู้สูญหายอีก 1 ร่าง อยู่ในสภาพเหลือแต่กระดูกบริเวณชั้นที่ 2 ฝั่งตะวันตกของโรงงาน ถือเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้รายที่ […]

เร่งคลี่คลายคดีโจรฉกเงิน-ทองคำ วัดม่วง

กทม. 2 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีโจรวัดม่วง ลักเงินเจ้าอาวาส 10 ล้าน ทองคำ 250 บาท หายล่องหน ขณะที่อดีตพระคนสนิท เผยประตูกุฏิล็อกถึง 5 ชั้น เชื่อฝีมือคนใน พร้อมเรียกร้องตรวจสอบเงินบริจาควัด ความคืบหน้า เหตุคนร้ายย่องลักทรัพย์ เงิน 10 ล้าน-ทองคำหนัก 250 บาท ภายในกุฏิเจ้าอาวาส วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค วันนี้ชุดสืบสวนของ บก.ปปป. ร่วมกับชุดคลี่คลายคดีของ สน.เพชรเกษม เดินทางไปที่วัดม่วงเพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่เมื่อเดินทางไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ปรากฏว่า กุฏิปิดเงียบล็อกกุญแจจากด้านหน้า ไร้เงาเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ ปปป. จึงพยายามโทรไปหาเจ้าอาวาสแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังปรากฏข่าว เจ้าอาวาสได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความว่าเงินและทองคำภายในกุฏิหาย ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่ากุฏิดังกล่าวไม่มีรอยงัดแงะ และการจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตูซึ่งล็อกถึง 5 ชั้น แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่บุคคลอื่นจะเข้าไปได้ มองว่าตู้เซฟที่เก็บทรัพย์สินไว้นั้นมีขนาดใหญ่ การจะนำทรัพย์สินภายในออกไปน่าจะทำได้ยาก […]