CEA จับมือ CISPI และ TCEB เปิดตัว “MY PRIDE THAILAND” ชู 50 คาแรกเตอร์ไทยสุดจี๊ด

กรุงเทพฯ 28 พ.ค. – CEA จับมือ CISPI และ TCEB เปิดตัว “MY PRIDE THAILAND” ชู 50 คาแรกเตอร์ไทยสุดจี๊ด สะท้อนสีสันแห่งความหลากหลายและภาคภูมิใจในทุกมิติ สร้างแบรนดิ้งประเทศไทยสู่เวทีโลก


โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA กับ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ (CISPI) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ได้ร่วมกับ Pink Blue Black & Orange (PBBO) นำทีมโดย “สยาม อัตตะริยะ” กราฟิก ดีไซเนอร์อันดับ 69 ของโลก ในปี 2019 และ 2020 (จัดโดย A’ Design Award and Competition หนึ่งในงานประกวดรางวัลออกแบบที่ใหญ่ที่สุดในโลก) มาร่วมออกแบบคาแรกเตอร์มากกว่า 50 แบบ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความภาคภูมิใจในตัวตนและความเป็นไทย รวมถึงพลังสร้างสรรค์แบบไร้กรอบที่ผลงานออกแบบจะมอบทั้งคุณค่าและมูลค่าให้แก่ผู้คน เมือง และประเทศได้

นายชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์นับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะในยุคที่นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์เป็นปัจจัยหลักในการแข่งขันระดับโลก CEA จึงมุ่งเน้นส่งเสริมผู้ประกอบการสร้างสรรค์ให้สามารถต่อยอดงานออกแบบไปสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ ขยายโอกาสทางธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับสากล “MY PRIDE THAILAND” เป็นตัวอย่างของการนำ “ผลงานออกแบบอัตลักษณ์ร่วม” ไปใช้เพื่อช่วยสร้างภาพจำที่โดดเด่นในระดับประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่เมือง นักออกแบบตั้งใจให้ใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับการประยุกต์ใช้ในรูปแบบงานที่หลากหลาย แตกต่างตามบริบท และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์ โดย CEA เริ่มต้นโครงการนำร่องนี้ในช่วงเทศกาล Pride Month ที่กำลังมาถึง โดยแคมเปญนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลองการจัดกิจกรรมช่วง Pride Month เท่านั้น แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญของการส่งเสริมอัตลักษณ์ไทย ผ่านพลังของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่จะช่วยส่งเสริมเทศกาล ภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว ด้วยแคมเปญสื่อสารที่สะท้อนความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของไทย สู่การสร้างแบรนด์ประเทศไทยบนเวทีโลก


นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ (CISPI) กล่าวว่าปัจจุบันกลุ่ม LGBTQ+ ถือเป็นกำลังสำคัญที่สะท้อนถึงพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับองค์กรและระดับอุตสาหกรรม โดยในเดือนมิถุนายน ปี 2567 ที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันสนับสนุนการจัดกิจกรรม Pride Month เพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 860,000 คน สร้างรายได้กว่า 4,500 ล้านบาท ดังนั้นทาง CISPI เล็งเห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกันของกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย เพื่อเติมเต็มคุณค่าทางเศรษฐกิจ จึงร่วมกับ CEA ริเริ่มแคมเปญ Paint the City with “MY PRIDE” โดยใช้ผลงานออกแบบชุดอัตลักษณ์ของแคมเปญ “MY PRIDE” สื่อสารและสร้างการรับรู้เรื่องคุณค่าความเป็นไทย เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองช่วงเทศกาล Pride Month และในช่วงเวลาอื่น ๆ รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วยการนำผลงานออกแบบไปใช้กับสินค้าและบริการของไทย (Made in Thailand) ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อเป็นการต่อยอดผลงานออกแบบทั้งในระดับเมืองสู่ระดับประเทศ อันจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

นางสาวปาริฉัตร เศวตเศรนี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า รัฐบาลส่งเสริมนโยบายการดึงงานระดับโลกเข้าสู่ประเทศไทย TCEB ในฐานะหน่วยงานหลักที่ส่งเสริมการจัดงานไมซ์และ อีเวนท์ของประเทศไทย พร้อมร่วมเป็นพันธมิตรขับเคลื่อนแคมเปญ Paint the City with “MY PRIDE” และอัตลักษณ์ MY PRIDE THAILAND ผ่านการสนับสนุนการดึงงานระดับโลกเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสนอตัวประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Pride 2030 ซึ่งเป็นงานมหกรรมไพรด์ระดับนานาชาติ เพื่อสนับสนุนสิทธิและความหลากหลายทางเพศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดย TCEB จะนำอัตลักษณ์ MY PRIDE THAILAND สนับสนุนงานอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อมโยงเครือข่ายแคมเปญ ร่วมสร้างเครือข่ายไทยทีมทุกภาคส่วนผ่านกลยุทธ์ 3P (Public Private Pride Partnership) โดยรวบรวมพันธมิตรภาครัฐ เอกชน ประชาชน และองค์กรไพรด์ทั่วประเทศ ร่วมสนับสนุนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Pride 2030 ซึ่งหากไทยประมูลสิทธิการจัดงานได้สำเร็จ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานทั้งคนไทยและต่างชาติกว่า 5 แสนถึง 1 ล้านคน สร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศกว่า 24,680 ล้านบาท นอกจากนี้ TCEB จะเดินหน้าส่งเสริมการขับเคลื่อนแคมเปญนี้ ผ่านการสนับสนุนการจัดงานขององค์กรไพรด์ทั่วประเทศอีกด้วย ไม่ใช่เพียง ‘การสนับสนุน’ แต่ยังรวมถึง ‘การเป็นส่วนหนึ่ง’

การออกแบบภาพสื่อสารหลัก (Key Visual) ของงานออกแบบอัตลักษณ์ (MY PRIDE Campaign Identity) หรือย่อว่า MY PRIDE CI ไม่ได้ตั้งต้นจากการคิดถึงกำไรในเชิง “มูลค่า” แต่คือการตระหนักถึง “คุณค่า” ของทุกตัวตนเป็นหัวใจสำคัญ รวมถึงคุณค่าของงานออกแบบ โดยผู้ประกอบการหรือผู้ที่สนใจสามารถนำชุุดอัตลักษณ์ “MY PRIDE” ไปประยุกต์ใช้ในการสร้างคุณค่าและมูลค่าในภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว


เป้าหมายระยะยาว คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ และสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะประเทศที่ “เปิดกว้าง” และ “ภาคภูมิใจในความหลากหลายในทุกมิติ” บนเวทีโลก พร้อมผลักดันนโยบายซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนให้ก้าวไปได้ไกลและยั่งยืนยิ่งขึ้น แคมเปญนี้ได้ผนึกกำลังพันธมิตรกว่า 10 แบรนด์ ต่อยอดสินค้าใหม่ที่ใช้คาแรกเตอร์ไทยสุดจี๊ด ที่นำชุดอัตลักษณ์ “MY PRIDE” ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ เช่น บัตร Rabbit โดย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), S&P โดย บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด, บริษัท โชคชัยพิบูล จำกัด, Kohkae โดย บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด, Moreloop โดย บริษัท มอร์ลูป จำกัด, ยืดเปล่า โดย บริษัท เริ่มใหม่ จำกัด, Greyhound โดย บริษัท เกรฮาวด์ จำกัด, ICHITAN โดย บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด, บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด, บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป และบริษัท สยาม เอ็ม. ซี. จำกัด

สำหรับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ นักออกแบบ นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการธุรกิจ ผู้ผลิตสินค้า ผู้ให้บริการ ที่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “MY PRIDE THAILAND” ภายใต้แคมเปญ Paint the City with “MY PRIDE” สามารถติดต่อเข้าร่วมโครงการได้ที่ cispi@fti.or.th -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

กต.ยันบังคับใช้กฎหมายไทยในดินแดนไทย จี้ “เขมร” หยุดปลุกระดม

ก.ต่างประเทศ 23 ก.ย.- กต.ยันบังคับใช้กฎหมายไทยในดินแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน และปฏิบัติตามหลักสากล ใช้ตํารวจควบคุมฝูงชน ไม่ใช่กําลังทหาร จี้ “เขมร” หยุดปลุกระดม-บิดเบือนประชาคมโลก ส่งผลสัมพันธ์ร้าวลึก นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงการบังคับใช้กฎหมายไทยต่อพลเมืองกัมพูชา ที่รุกล้ำเข้ามาประท้วงในบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยยืนยันว่า ไทยบังคับใช้กฎหมายภายในของไทยกับบุคคลที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวของฝ่ายไทยเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐและเป็นไปตามหลักสากลที่ทุกประเทศยอมรับ สําหรับกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทย จงใจบิดเบือนแผนผัง ที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตําแหน่ง หลักเขตแดนที่ 42 และ43 ว่าเป็นเขตแดนจริงนั้นขอเรียนยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่เคยระบุ แผนผังดังกล่าวกําหนด เส้นเขตแดนเพราะการเจรจาเส้นเขตแดนอยู่ภายใต้อาณัติ ของกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี ทั้งนี้แผนผังที่ไทยนําแสดงดังกล่าว เป็นเพียงการนําพิกัดหลักเขตแดน ไปทําภาพจําลองเส้นเขตแดน บนแผนที่แบบไม่เป็นทางการเท่านั้นเพื่อความเข้าใจของประชาชนทั่วไป โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึง สําหรับข้อกล่าวหาที่กัมพูชาระบุว่าไทยละเมิดเอ็มโอยู 2543 ว่าด้วยการสํารวจและการจัดทําหลักเขตแดนทางบกนั้น กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นฝ่ายละเมิดโดยปล่อยให้มีการสร้างอาคาร บ้านเรือนชุมชนทั้งในเขต พื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์และในเขต ขณะที่เป็นอธิปไตยของไทยซึ่งฝ่ายไทยได้ทําการประท้วงในกรอบเอ็มโอยูแล้วกว่า 500 ครั้ง ในห้วง 20ปีที่ผ่านมาแต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไข ส่วนกรณีที่กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรม ที่บ่อนทําลายความพยายามลดความตึงเครียด ข้อตกลงหยุดยิงนั้น นายนิกรเดช กล่าวย้ำว่าประเทศไทยมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง […]

นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว กลัวกลับมาไม่ทันแถลงนโยบาย

ภูมิใจไทย 23 ก.ย. – นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว เหตุเงื่อนเวลาไม่เอื้อ หวั่นกลับมาไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่เสียโอกาสแจงเรื่องอธิปไตย เชื่อชาวโลกรู้ไทยมีนโยบายชัดเจน ยันร่างนโยบายปกน้ำเงินเสร็จแล้ว นำเข้า ครม.นัดพิเศษ พรุ่งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำโลก UNGA ครั้งที่ 78 ว่า ได้มีการหารือกับฝ่ายคนใหม่แล้ว ซึ่งจากการดูเวลา กลัวจะไม่ทันการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ทั้งนี้ก็จะมีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สำคัญมีเรื่องของอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ดี มีความคิดเห็นหลากหลาย ทั้งไปได้และไปไม่ได้ แต่ทั้งนี้มีแนวทางที่ชัดเจน ไม่ได้มีการลงนามในข้อตกลง แต่แนวทางของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลนี้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อย ก็มีความชัดเจนที่จะบริหารสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างไร ส่วนจะเป็นการเสียโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่การจัดการและการได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งความเชื่อมั่นอยู่ตรงจุดนี้ ไม่ใช่อยู่ที่เวทีไหน เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ขณะที่ทุกฝ่ายในบ้านเรามีความพร้อม ประชาชนให้การสนับสนุนนโยบายต่างๆ นโยบายของกองทัพและรัฐบาล นี่ต่างหากคือความเชื่อมั่น ส่วนกรณีที่กฤษฎีกาชี้ว่า หากมีเหตุที่จำเป็น ก็ถือว่าดำเนินการได้ นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่าจำเป็นคืออะไร อย่างสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ไม่จำเป็นจะต้องชี้แจงกับใคร เพราะประชาคมโลกก็รับทราบสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว […]

เร่งล่ามือมืดรัว 15 นัด ยิงดับสมาชิก อบต.กรงปินัง

ยะลา 23 ก.ย. – เร่งล่ามือมืดรัว 15 นัด ยิงสมาชิก อบต.กรงปินัง เสียชีวิตหน้าบ้านพัก อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตำรวจตั้ง 2 ปม “แค้นส่วนตัว-สร้างสถานการณ์” จากเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงนายอิสมาแอ กาแจ อายุ 61 ปี สมาชิก อบต.กรงปินัง ขณะจอดรถยนต์กระบะเตรียมเข้าบ้านพักในพื้นที่บ้านลือมุ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตรวจสอบรอยกระสุนในตัวผู้ตายพบ 12 นัด เข้าบริเวณหน้าอกและลำตัว โดยแขนซ้าย 2 นัด และใบหน้าอีก 1 นัด เมื่อเวลา 21.22 น. ของวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เช้านี้ (23 ก.ย.) ตำรวจ สภ.กรงปินัง ลงพื้นที่เกิดเหตุรวบรวมพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบกองเลือดอยู่ใกล้รถยนต์กระบะของผู้ตาย แต่ไม่พบปลอกกระสุนแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งปมก่อเหตุเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นการสร้างสถานการณ์ นายอาดือนัน ฮามิดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ […]