กรุงเทพฯ 26 พ.ค. – กรมการขนส่งทางราง เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งเส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง หนุนไทยเป็นฮับโลจิสติกส์เชื่อมโยงการค้าระดับโลก
นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์และข้อจำกัดของโครงข่ายรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง (SKRL) พร้อมเผยว่า เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ที่จะช่วยเชื่อมโยงประเทศไทยกับภูมิภาคและตลาดโลกดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งศึกษาการใช้ประโยชน์ราง และข้อจำกัดเพื่อรองรับเชื่อมโยงการขนส่งทางรางเส้นทางรถไฟสายดังกล่าวเพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนเพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสที่เกิดขึ้นส่งเสริมให้เป็นฐานการค้าการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสของผู้ประกอบการไทยให้สามารถเชื่อมโยงตลาดการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลกได้
เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง เป็นเส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อจากประเทศสิงคโปร์ผ่านประเทศต่างๆ ในอาเซียนไปนครคุนหมิง มณฑลยูนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน รวม 8 ประเทศ โดยแบ่งเป็นเส้นทางรถไฟ 3 เส้นทาง ได้แก่
- สายตะวันออก : สิงคโปร์ -กัวลาลัมเปอร์ -กรุงเทพฯ-พนมเปญ-ฮานอย-คุนหมิง รวมนะยะทางประมาณ 5,500 กม.
2.สายกลาง : เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง -กรุงเทพฯ – เวียงจันทน์- ซั่งหย่ง- อิ้ว์ซี -คุนหมิง รวมระยะทาง 4,500 กม.
3.สายตะวันตก : สิงคโปร์ -กัวลาลัมเปอร์ -กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง-คุนหมิง ระยะทาง 4,760 กม.
เมื่อเส้นทางรถไฟสายคุนหมิง-สิงคโปร์ ก่อสร้างแล้วเสร็จจะกลายเป็นเส้นทางรถไฟที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การขนส่ง การเคลื่อนย้ายทรัพยากร รวมถึงการต่อรองการค้าให้แก่ประเทศในภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ยากมาก
“เส้นทางรถไฟทั้งสามเส้นทาง ต้องผ่านกรุงเทพฯ ดังนั้นการที่จะเป็นฮับโลจิสติกส์เชื่อมโยงการค้าระดับโลกจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ซึ่งขณะนี้เส้นทางรถไฟหลายช่วงเราได้พัฒนาเสร็จแล้ว มีบางเฟสที่ต้องให้เป็นเส้นทางรถไฟรางคู่ เพื่อการขนส่งที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมาตรการทางภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐ ทำให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ให้ความสนใจเชื่อมโยงตลาดการค้าระหว่างกันมากขึ้นดังนั้นจึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งเส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง และนอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องดำเนินการศึกษาเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เป็นแนวทางเดียวกันของทุกประเทศ ก็คือพิธีศุลกากร ซึ่งต้องมีการปรับแก้ไขกฎระเบียบเพื่อให้การเปลี่ยนถ่ายระหว่างชายแดน สะดวกและรวดเร็วขึ้น เช่นการรวมด่านศุลกากรไว้ที่เดียว เป็นต้น” นายอธิภู กล่าว
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 รัฐบาลไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่าง 2 รัฐบาล ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทยพ.ศ. 2558 ถึง 2565 โดยมีสารสำคัญในการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงขนาดถังมาตรฐานช่วงกรุงเทพหนองคายซึ่งเส้นทางรถไฟสายนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์คุนหมิงรัฐบาลไทยจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาเนื่องจากแนวเส้นทางของรถไฟทั้งสามเส้นทางจะเชื่อมโยงกันที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางในการเดินทางและการขนส่งในภูมิภาคอาเซียน. -517-สำนักข่าวไทย