MEA ตรวจสอบความมั่นคงระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ รับมือหน้าฝน

กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – MEA ตรวจสอบความมั่นคงระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ เตรียมพร้อมรับมือระบบไฟฟ้าหน้าฝน


นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร MEA ร่วมด้วยนายชัชญา ขำจันทร์ รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบความพร้อมระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ ทั้งนี้ MEA ได้บำรุงรักษาและติดตั้งอุปกรณ์เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำ อีกทั้งมีการเตรียมความพร้อม และซักซ้อมแผนเพื่อบูรณาการความร่วมมือกับสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมอบอุปกรณ์ตรวจจับไฟฟ้ารั่วในน้ำ นวัตกรรมซึ่งออกแบบและผลิตโดย MEA เพื่อความปลอดภัยสามารถตรวจสอบกระแสไฟฟ้ารั่วในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพให้แก่สำนักการระบายน้ำ คลองบางซื่อ ณ สถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ กรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านระบบจำหน่ายระบบไฟฟ้าสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับคุณภาพการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการรองรับเหตุฉุกเฉินและขัดข้องต่างๆ พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานเกี่ยวข้องดูแลการจ่ายไฟฟ้าของสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ และบ่อสูบน้ำของกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ที่ MEA ดูแลด้านระบบไฟฟ้า จำนวน 638 แห่ง โดย MEA มีการเชื่อมโยงระบบจ่ายไฟฟ้าหลัก และระบบจ่ายไฟฟ้าสำรองให้กับสถานีสูบน้ำทุกแห่ง เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และสามารถบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) ตลอดจนได้นำระบบ DMS (Distribution Management System) มาใช้ในระบบการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย ติดตั้งอยู่บนเสาไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยบริหารควบคุมสั่งการได้จากส่วนกลาง ทราบสาเหตุ และสั่งการอัตโนมัติ ทำให้เกิดความมั่นคงในระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องได้รวดเร็ว


สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นการติดตามตรวจสอบความพร้อมของระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ ถือเป็นสถานีสูบน้ำที่สำคัญ ซึ่งสอดรับกับนโยบายกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการความร่วมมือเพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดย MEA จ่ายกระแสไฟฟ้าให้สถานีสูบน้ำ อุโมงค์บางซื่อ ด้วยระบบแรงดันไฟฟ้า 24 กิโลโวลต์ (kV) ให้กับระบบสูบน้ำขนาด 1,950 กิโลวัตต์ (kW) จำนวน 6 เครื่อง ความสามารถในการระบายน้ำ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รองรับปริมาณน้ำฝนได้ไม่น้อยกว่า 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง โดยสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ จะรับน้ำจากอาคารรับน้ำถนนกำแพงเพชร อาคารรับน้ำถนนวิภาวดีรังสิต และอาคารรับน้ำถนนรัชดาภิเษก ซึ่งรับน้ำในพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เขตห้วยขวาง เขตดินแดง เขตพญาไท เขตจตุจักร เขตวังทองหลาง เขตบางซื่อ และเขตดุสิต ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 56 ตารางกิโลเมตร

นอกจากนี้ที่ผ่านมา MEA ยังมีแผนการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้กับสถานีสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาด้านระบบไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน ที่จะต้องมีการตรวจสอบในลักษณะทางกายภาพ เช่น การตัดแต่งกิ่งไม้ และตรวจสอบป้ายต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกลมพายุพัดหลุดห้อยหรือทำให้กระทบกับระบบไฟฟ้าของ MEA ให้เกิดความเสียหายได้ ทั้งนี้ MEA ยังได้ประสานกับกรุงเทพมหานครตรวจสอบโคมไฟส่องสว่าง ไฟฟ้าสาธารณะให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ส่งผลต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าภายในสถานีสูบน้ำแต่ละแห่ง โดยประสานงานใกล้ชิดกับศูนย์ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ เพื่อการแก้ไขเหตุไฟฟ้าดับฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจน MEA จัดเจ้าหน้าที่บูรณาการระบบไฟฟ้าประจำจุดที่สำคัญทุกแห่งพร้อมดูแลระบบไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง จากการดำเนินงานทั้งหมดนี้ MEA จึงมีความมั่นใจในการดูแลระบบไฟฟ้าสำหรับสถานีสูบน้ำเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมั่นคงและปลอดภัยอย่างเต็มที่ในช่วงฤดูฝน

ทั้งนี้ หากประชาชนประสบเหตุสาธารณภัย หรือต้องการความช่วยเหลือจากเหตุสาธารณภัยต่าง ๆ สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วนนิรภัย โทร.1784 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 24 ชั่วโมง รวมถึงหากประชาชนในพื้นที่ให้บริการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุดอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย หรือต้องการความช่วยเหลือด้านระบบไฟฟ้ารวมถึงขอเลื่อนเครื่องวัดฯ สามารถแจ้งการไฟฟ้านครหลวงเขตใกล้บ้าน ทุกเขต หรือแจ้งเหตุผ่านช่องทางออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ได้ที่ MEA Smart Life Application ดาวน์โหลดฟรี ได้ที่ App Store และ Play Store เท่านั้น หรือช่องทางโซเชียลมีเดียทางการต่าง ๆ MEA ได้ที่ Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง และติดตามข่าวสารงานบริการของ MEA ผ่านทางเว็บไซต์ www.mea.or.th. -517-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย