กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – นักวิเคราะห์ตามติดจีดีพีไทย ระบุแนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง แนะเน้นขาย หากย่อแล้วยังลงแล้วค่อยซื้อคืน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการประกาศตัวเลข จีดีพี ไตรมาส 1/68 ที่เติบโต 3.1% ถือว่าดีกว่าคาดเดิมที่นักวิเคราะห์มองว่าเติบโต 2.9% ส่วนตัวเลขทั้งปี สภาพัฒน์ ได้ลดกรอบเป้าหมายการเติบโต จีดีพี ปี 68 ลงเหลือค่ากลาง 1.8 % โดยมีกรอบที่โต 1.3% – 2.3% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 2.3% – 3.3% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขของหลายหน่วยงานที่ได้ปรับลดลงไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยทิสโก้ คาดว่าทั้งปีนี้ จีดีพี จะขยายตัว 1.8% ขณะที่ภาพรวมค่าเฉลี่ยของตลาดมองว่าจะเติบโต 2.4%
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในอนาคต ยังมีความไม่แน่นอนสูงเพราะไม่รู้ว่า ไทยจะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีในอัตราเท่าไร และต้องแลกกับอะไรบ้าง ส่วน Fund Flow ใหม่ที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ยังคงคาดหวังได้น้อย แม้ว่าจะมีกองทุน Thai ESGX เข้ามาประคองตลาดหุ้น แต่ที่ผ่านมายังมีมูลค่าซื้อไม่มากนัก โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีเม็ดเงินใหม่เข้ามาเพียงกว่า 700 ล้านบาท แต่ยังคาดหวังว่าในช่วงที่เหลือจะมีเม็ดเงินเข้ามามากกว่านี้
นอกจากนี้ MSCI ยังได้ปรับลด จำนวนหุ้นไทยลง ทั้งในแง่การปรับตัวหุ้นไทยออก และปรับลดน้ำหนักหุ้นที่มีอยู่ โดยเฉพาะในวันที่ 30 พ.ค.นี้ จะมีการ Rebalance ซึ่งจะมีเงินไหลออก 440 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบันต่างชาติเทขายไปแล้วเกือบ 5 พันล้านบาท จึงเป็นภาพลบของ Fund Flow ในช่วงนี้ โดยหลังจากนี้ ในภาพรวมตลาดจะกลับมาโฟกัสในเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของจีน และประเทศชั้นนำอื่น ๆ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีอัพไซด์จำกัด ดังนั้นหากตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาในช่วงนี้ควรขายเพื่อกระชับพอร์ต รอย่อตัวแล้วค่อยซื้อคืน
สำหรับการปรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่หนุนให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกนั้น มองว่าเป็นทั้งแง่ดีและแง่ลบ โดยในแง่ดีจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีขึ้น ส่วนแง่วบอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำไรมากที่สุด หากเกิดภาพลบอาจกระทบต่อตลาดหุ้นได้
นอกจากนี้ นักลงทุนจะต้องจับตาในเดือนหน้า สถานการณ์ทางการเมืองจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เกิดจากกรณีเกี่ยวข้องกับ นายทักษิณ ชินวัตร ทำให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้ลำบาก และยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ ดังนั้น ควรเน้นขายมากกว่า หากย่อยังลงแล้วค่อยซื้อคืน โดยคาดว่าแนวรับอยู่ที่ 1,180 จุด แนวต้าน 1,220 และ 1,230 จุด. -511- สำนักข่าวไทย