“พิชัย” จ่อชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มวีซ่ายาว 10 ปี เพิ่มสิทธิ์เช่าที่ดิน 99 ปี

กรุงเทพฯ 18 พ.ค.- “พิชัย” รมว.คลัง เล็งเสนอมาตรการฟื้นเศรษฐกิจ วีซ่านักท่องเที่ยวระยะยาว 10 ปี เพิ่มสิทธิ์เช่าที่ดิน 99 ปี ต่อบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ พรุ่งนี้ เพิ่มข้อเสนอเจรจาภาษีศุลกากรไทย-สหรัฐ จาก 5 เป็น 7 ข้อ ระบุหุ้นไทย “เริ่มนิ่ง” ไม่ต้องงัดมาตรการฟื้นตลาดทุน ดึงบริษัทข้ามชาติรายใหญ่เข้าเทรดใน SET

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Thailand’s Capital Market Forum 2025” ว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มุ่งเน้นเตรียมมาตรการระยะสั้น รับมือปัญหาเศรษฐกิจโลกจากนโยบาย ทรัมป์ 2.0 เพื่อมอบหมายให้มีหน่วยงานรับผิดชอบ สำหรับข้อเจรจาภาษีศุลกากรไทย-สหรัฐ เตรียมเสนอที่ประชุมเพิ่มข้อเจรจาเป็น 7 ข้อ จากเดิมข้อ 5 หลัก เนื่องจากต้องเจรจากับสหรัฐอีกหลายด้าน หลังจากหลายประเทศเจรจาได้ผลคืบหน้า


การประชุมมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ เตรียมระบุให้ชัดเจนและมอบหมายหน่วยงานใดรับผิดชอบ ใช้งบเท่าไหร่ เนื่องจากรัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายด้าน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว เตรียมเสนอเพิ่มวีซ่านักท่องเที่ยวระยะยาว 10 ปี เพื่อใช้ไทยเป็นที่ทำงาน พร้อมกับการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการกินการอยู่อาศัยของคนไทยได้มากขึ้น นับเป็นเทรนการท่องเที่ยวที่มาแรงในขณะนี้ ตลอดจนเสนอให้ต่างชาติเช่าที่ดินระยะยาวผ่าน “ทรัพย์อิงสิทธิ์การใช้ที่ดิน” ในที่ราชพัสดุของรัฐบาลไทย ออกสิทธิการใช้ที่ดินให้ผู้เช่าต่างชาติระยะยาว 99 ปี นับเป็นสิทธิ์ที่เปิดให้ใช้เป็นหลักประกันในการดำเนินธุรกรรมทางการเงินได้

การพัฒนาด้านต่างๆ รองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ยุคดิจิทัล ผลักดันไทย ให้เป็นศูนย์กลางการผลิตดาต้าเซ็นเตอร์ อุตสาหกรรม EV ตั้งเป้าขยายรถไฟทางคู่ มุ่งให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค เดินหน้าพัฒนาแลนด์บริดจ์ สร้างแหล่งน้ำเพิ่มผลผลิตการเกษตร จัดตั้ง Property Fund ปล่อยต่างชาติเช่า 99 ปี สร้างทางรอดเศรษฐกิจ เปลี่ยนเป็นโอกาสของตลาดทุนในอนาคต


นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวลงมาตลอดตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา จากระดับ 1,700 จนถึงปัจจุบันในระดับ 1,200 จุด ยอมรับว่าดัชนีหุ้นไทย “เริ่มนิ่ง” หากไม่มีเหตุวิกฤต จนทำให้ตัดสินใจถอยออกในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 รัฐบาลมองว่า ไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใหม่เข้ากระตุ้นตลาดทุนเพิ่มเติม เพราะมาตรการเดิมยังมีประสิทธิภาพ

รัฐบาลต้องดึงดูดให้บริษัทข้ามชาติ เข้ามาลงทุนในประเทศ นำเอาการวิจัยและพัฒนา ร่วมกับคนไทยเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย สนับสนุนการจัดตั้งโรงงาน ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้านวัตกรรม กระจายสินค้าไปทั่วโลก หากดำเนินการครบถ้วนลักษณะนี้ พร้อมส่งเสริมระดมทุนดเข้าตลาดหลักทรัพย์ไทยและใช้เงินตราไทย ขายหุ้น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ไทยได้เพิ่มเติม จึงต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่น ดึงบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุน-จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

“ที่ผ่านมาส่วนใหญ่บริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ ไม่ได้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เพราะไม่ได้ทำธุรกิจแบบครบวงจรในประเทศ เข้ามาลงทุนเพียงบางส่วน จากธุรกิจของบริษัทมีทั่วโลก ทำให้คุณสมบัติไม่เข้าจะจดทะเบียนฯ ในประเทศไทย จึงมองว่า อยากให้บริษัทข้ามชาติเหล่านี้มาลงทุนแบบเต็มตัว ดึงเอาการวิจัยและพัฒนาที่มีคนไทยเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย หนุนให้ตั้งโรงงาน หากทำได้ครบถ้วน สามารถถึงเข้าตลาดหลักทรัพย์ไทยได้“ นายพิชัย กล่าว


ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะด้านการผลิตรถยนต์ ควรพัฒนาไปสู่รถยนต์ไฮบริด และรักษาบริษัทผู้ผลิตเดิมกว่า 60 แห่งให้อยู่รอดให้ได้ เพราะการลงทุนจะต้องทำทั้งของเก่าและของใหม่ควบคู่กันไป รัฐบาลยุงมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อโอกาสสำคัญของประเทศ ด้วยการจัดตั้ง “ดาต้าเซ็นเตอร์” การใช้พลังงานไฟฟ้าสูง ประเทศไทยมีพื้นที่กว่า 300 ล้านไร่ และไฟฟ้าสำรองกว่า 9,000-10,000 เมกะวัตต์ นักลงทุนจึงเลือกไทย แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องสามารถจัดหาไฟฟ้าสีเขียว เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ปัจจุบันไทยยังอยู่เพียงระดับ “กลางน้ำ” จึงควรเร่งดึงการวิจัยและการผลิตต้นน้ำเข้ามาให้ได้ โดยเฉพาะจากประเทศสหรัฐฯ รัฐบาลต้องปรับแผนการใช้เงินให้เหมาะสม และเดินหน้าต่อเนื่อง ที่สำคัญต้องผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟทางคู่ สร้างไปแล้วเกือบ 1,000 กิโลเมตร และตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 2,000 กิโลเมตรในเฟส 2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง ผลักดันให้ไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาแลนด์บริดจ์จากกรุงเทพฯ สู่ระนอง เพื่อเสริมจุดแข็งและแก้จุดอ่อนของประเทศไทย .-515.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]