ทำเนียบฯ 14 พ.ค. – “พิชัย” หวังสหรัฐลดภาษีนำเข้าร้อยละ 10 ยิ้มออก สหรัฐมองเชิงบวก ส่งทีมไทยแลนด์ หาช่องทางลงทุนในสหรัฐเพิ่ม
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงเกี่ยวกับความคืบหน้าการเจรจานโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่ากระทรวงพาณิชย์ของไทยจัดทำข้อเสนอ (Proposal) ไปยังสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา (8 พ.ค.) โดยส่งเอกสารไปยัง มร.สก็อตต์ เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐ และส่งไปสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) หลังนายกรัฐมนตรีเห็นชอบข้อเสนอแล้ว ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ 1.การจัดทำเสนอ ไทยเป็นหุ้นสวนทางเศรษฐกิจกับสหรัฐ ในหลายด้าน อุตสาหกรรมการแปรรูป ดาต้าเซ็นเตอร์ อุตสาหกรรม AI การลดอุปสรรคทางการค้า ทางกำแพงภาษีและไม่ใช่ภาษี
- ไทยยินดีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มเติม เช่น สินค้าพลังงาน สินค้าเกษตร เครื่องบินและส่วนประกอบ อุปกรณ์บริการ โดยปลัดพลังงาน เดินทางไปพร้อม กฟผ., ปตท. และ ปตท.สผ. เพื่อหารือกับผู้ว่าการ รัฐอะแลสกา สหรัฐ เพื่อหารือร่วมกันเพิ่มเติมในหลายด้าน 3.ไทยยินดีเปิดตลาดสินค้าเกษตร ผลไม้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อนำเข้ามาแปรรูปเพิ่มเติม 4.ไทยพร้อมบังคับใช้กฎหมายป้องกันแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าจากประเทศอื่นอย่างเคร่งครัด ลดปัญหาการอ้างใช้ไทยส่งออก
5.รัฐบาลได้ส่ง ดร.นลินี ทวีศิลป์ ผู้แทนการค้าไทย พร้อมด้วย กกร. และภาคเอกชนชั้นนำของไทยที่เกี่ยวข้อง กำลังเดินทางสหรัฐ อย่างเป็นทางการ เพื่อดูช่องทางการลงทุนร่วมกันในงาน “2025 SelectUSA Investment Summit” เป็นงานการลงทุนเพื่อขยายกิจการและต่อยอดการลงทุนในสหรัฐอเมริกา จัดขึ้นในวันที่ 11-14 พฤษภาคม ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
“มองว่าการเจรจาภาษีนำเข้าลดลงร้อยละ 10 จากเดิมสหรัฐกำหนดเก็บภาษีศุลกากรจากไทยร้อย 36 เมื่อดูจากประเทศขนาดใหญ่ซึ่งได้เจรจาไปแล้ว นับว่ามีสินค้าเหมือนกับไทย หากนัดคุยให้ทันและคุยให้จบ มองว่าไทยไม่ช้าเกินไป คงสรุปในเวลาใกล้เคียงกันกับหลายประเทศ ซึ่งกำลังจัดตารางนัดเจรจาให้ได้ข้อสรุป” นายพิชัย กล่าว
รัฐบาลไทยมองว่า มร.สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวในเวทีการลงทุน ซาอุดี-สหรัฐ ระบุว่าข้อเสนอของไทยเป็นข้อเสนอที่ดี สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสัญญาณบวก ขณะนี้สหรัฐเตรียมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เจรจาในรายละเอียดเพิ่มเติม นับว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้า สหรัฐพร้อมหารือข้อยุติ นำไปสู่ความร่วมมือเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ แม้ไทยนำเข้าจากสหรัฐมากขึ้น แต่จะผลักดันไทยส่งออกได้มากขึ้นด้วย เพราะเป็นการนำเข้ามาเพื่อแปรรูปและผลิตในประเทศ หากไม่นำเข้าจากสหรัฐ ไทยต้องนำเข้าจากประเทศอื่นอยู่ดี โดยจะเน้นทั้งคุณภาพ ราคาแข่งขันได้ นับว่าข้อเสนอของไทย ทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกัน
นายพิชัย ระบุว่า สหรัฐพยายามตกลงกับประเทศขนาดใหญ่ เพราะมีเงื่อนไขจำนวนมาก และต้องการใช้เป็นกรอบเจรจากับประเทศอื่นขนาดเล็กอื่นๆ ขณะที่ไทยต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรในชนิดที่ขาดแคลน เชื่อว่าไทยจะเริ่มหารือได้กับ USTR ซึ่งกำลังเร่งหารือกับหลายประเทศ หลังจากกรอบ 90 วัน ได้ผ่านมา 2 เดือนแล้ว โดยไทยพร้อมร่วมลงทุนในส่วนที่มีขีดความสามารถทั้งด้านรถยนต์ และ Supply Chain มองว่าการลดขาดดุลการค้า ตัวเลขจะเห็นชัดเจนในช่วง 5 ปีข้างหน้า เช่น การนำเข้าปิโตรเคมี เครื่องบิน พลังงาน ไทยเน้นหารือเกี่ยวกับยานยนต์ และ Supply Chain จึงไม่แตกต่างจากประเทศอื่น. -515-สำนักข่าวไทย