ผู้ว่าแบงก์ชาติ กังวลเศรษฐกิจไทย “จ่อปากเหว” คาดจุดต่ำสุดหลัง Q4

กรุงเทพฯ 9 พ.ค.-ผู้ว่าฯ ธปท. กังวลเศรษฐกิจไทย “จ่อปากเหว” คาดเห็นจุดต่ำสุดหลังไตรมาส 4/68 พร้อมลดดอกเบี้ยเพิ่มหากสถานการณ์เปลี่ยน ดูแลเงินบาทไม่ให้ผันผวนเร็วเกินไป เตือนผลเจรจาสหรัฐกระทบยาวนาน แนะเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ หนุนฟื้นตัวหลังจบสงครามภาษี-คุมเข้มสินค้าทะลักเข้าไทย-ทบทวนแจกเงินหมื่น

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดกิจกรรม “ผู้ว่าการพบสื่อมวลชน (Meet the Press) ครั้งที่ 1/68” โดยกล่าวถึงผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูงมาก และยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ ธปท. คาดการณ์ฉากทัศน์ 2 ด้าน ประกอบด้วย ระยะเวลาของผลกระทบจะเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับการเจรจาไทย-สหรัฐ ว่าจะมีผลออกมาอย่างไร แต่เชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นในระยะยาวกินเวลานาน แต่จะไม่หนักเท่ากับช่วงโควิด-19 และช่วงวิกฤติปี 40 เชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถผ่านสถานการณ์การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐไปได้


โดยขณะนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของการลงทุน แต่คาดว่าจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจก่อนที่จะฟื้นตัวจะเกิดขึ้นหลังไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และหากไม่มีการปรับตัวเศรษฐกิจที่ฟื้นขึ้นมาก็จะต่ำกว่าระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนผลกระทบจะหนักแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผลของการเจรจา

ธปท. มองว่ากลุ่มที่จะได้ผลกระทบหนักที่สุดในครั้งนี้ คือกลุ่มผู้ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารแปรรูป เครื่องจักร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และในกลุ่มซัพพลายเชนของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ โดยมองว่า กลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ กลุ่มสินค้าที่จะได้รับผลกระทบจากสินค้าต่างประเทศทะลักเข้ามาในประเทศไทย


ทั้งนี้ ไทยควรจริงจังที่จะใช้มาตรการทางการค้า เพื่อป้องกันการทะลักเข้ามาของสินค้าต่างประเทศ ที่ไม่สามารถส่งไปสหรัฐได้ เพราะการทะลักเข้ามาจะกระทบกับธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีความเสี่ยงว่าจะไม่สามารถปรับตัวได้ทัน โดยมาตรการทางการค้าที่ควรใช้ เช่น มาตรการการตอบโต้การทุ่มตลาด และการตรวจสอบมาตรฐานของสินค้าอย่างเข้มงวด

ดร.เศรษฐพุฒิ ระบุว่าสิ่งที่ ธปท. ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา คือ การดำเนินโยบายการเงินที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายทั้ง 2 ครั้งในปีนี้ เพื่อรองรับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยมองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันถือเป็นระดับที่เหมาะสมกับผลกระทบที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้ประชุมในครั้งก่อนก็พร้อมจะลดดอกเบี้ยเพิ่ม ซึ่งการลดดอกเบี้ยต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหลืออยู่มีอยู่อย่างจำกัด

นอกจากนี้ ธปท. ได้ดูแลตลาดการเงิน ไม่ให้ผันผวนเร็วเกินไป โดยได้เข้าไปดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไม่ให้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปในช่วงที่ผ่านมา แต่ไม่ได้มีการกำหนดค่าเงินบาทที่เหมาะสมในใจ โดยจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด และเน้นดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเร็วเกินไป จนภาคธุรกิจปรับตัวไม่ได้ ยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 2 ปัจจัย คือ ดอลล่าร์อ่อนค่า และราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น


นอกจากนี้ ธปท. ได้ออกมาตรการเพื่อช่วยดูแลลูกหนี้ โดยการออกมาตรการ “คุณสู้เราช่วย ” ซึ่งเริ่มมีลูกหนี้เข้ามาร่วมโครงการมากขึ้น พร้อมปฏิเสธว่า การที่ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าในปัจจุบันไม่ได้เกิดจากเกณฑ์ของแบงค์ชาติในเรื่องการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม (RL) เป็นเพียงข้ออ้างของธนาคารพาณิชย์เท่านั้น และปัจจัยหลักที่จะทำให้ลูกค้าได้รับสินเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงทางด้านเครดิตของลูกค้ามากกว่า

ส่วนมาตรการเพื่อรองรับและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น รัฐบาลควรออกเป็นมาตรการที่เฉพาะเจาะจง เฉพาะภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจริงๆ เช่น การจัดสินเชื่อผ่อนปรน หรือ ซอฟต์โลน ควรจะเน้นเฉพาะภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ไม่ได้ให้เป็นการทั่วไปเหมือนช่วงโควิด-19

สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผู้ว่าฯ ธปท. มองว่า ควรทบทวนการเดินหน้าโครงการในเฟสที่เหลือ เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยน และมีความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้า และภาษี โดยรัฐบาลควรเน้นการลงทุน และปรับโครงสร้างของประเทศ เช่น ปรับหลักเกณฑ์การทำธุรกิจให้ง่ายต่อการลงทุน

“การกระตุ้นการบริโภคจะต้องพิจารณาว่า จะช่วยเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน อีกทั้งความกังวลเรื่องของสินค้าที่จะทะลักเข้าไทย หากมีการกระตุ้นการบริโภค อาจจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศอื่นๆแทน” ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว

ส่วนการตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ผู้ว่าฯ ธปท.มองว่า ยังไม่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจน เนื่องจากขณะนี้โลกมีความไม่แน่นอนสูงซึ่งควรให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่ขาวสะอาด มากกว่าที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับธุรกิจสีเทา ควรจะหันไปส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวจากการตั้งศูนย์กลางเพื่อสุขภาพ เช่น Wellness Center ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว.-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ […]

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]