กรุงเทพฯ 29 เม.ย. – ศิษย์หลวงตาบัว มอบทองคำเข้าคลังหลวงปีนี้ อีก 10 กก. หรือราว 656 บาท ย้ำสานต่อเจตนารมณ์หลวงตาบัว มอบทองทุกปี แม้ราคาจะแพงขึ้น แต่ย้ำต้องห้ามใช้ผิดวัตถุประสงค์ จับตารัฐบาลจะแก้กฎหมายหรือไม่ ด้านผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันชัด ทองอยู่ครบในห้องมั่นคง ยอมรับสงครามการค้าสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของประเทศ
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับมอบทองคำแท่ง น้ำหนักรวม 10 กิโลกรัม จากพระราชวชิรธรรมากร วิ. (คำสด อรุโณ) วัดป่าบ้านเพิ่มอำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี ประธานสงฆ์และผู้แทนคณะศิษยานุศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ซึ่งทองคำดังกล่าว เป็นทองคำที่ได้รับจากการจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า 12 เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” ตามเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตรา สินทรัพย์ที่ได้รับมอบมาทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นทองคำแท่งน้ำหนักรวมประมาณ 13,129.832 กิโลกรัม และเงินตราต่างประเทศจำนวน 10,457,159.63 ดอลลาร์ สรอ. (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2567)
ทั้งนี้ ทองคำ 1 กิโลกรัม หนัก 65.6 บาท โดยปี 2541 บาทละ 5,748 บาท และปี 2568 ราคาทองคำ 96.5% ทองแท่งอยู่ที่ราว 52,500 บาท
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมุปนฺโน) หรือ “หลวงตามหาบัว” สะเทือนใจที่เห็นความลำบากของประชาชนในช่วงวิกฤตปี 2540 จึงตัดสินใจปลุกความหวังคนไทยด้วยการจัดตั้งผ้าป่าช่วยชาติขึ้น…ได้รับความสนใจจากลูกศิษย์และประชาชน ได้เดินทางนำเงินจากการรวบรวมครั้งแรกมามอบให้ ธปท. เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2541 เป็นจำนวน 1,278,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่การระดมทุนครั้งต่อ ๆ มาเน้นการบริจาคทองคำ ทำให้การมอบทองคำให้ ธปท. ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2542 แม้จะสิ้นหลวงตาไปแล้วตั้งแต่ปี 2554 แต่สิ่งที่หลวงตาริเริ่มไว้ยังคงอยู่ด้วยพลังศรัทธาประชาชน ผ้าป่าช่วยชาติและพิธีมอบทองคำจึงยังคงดำเนินต่อจนถึงปัจจุบัน
ตัวแทนคณะศิษย์หลวงตามหาบัว ระบุแม้ราคาทองคำจะขึ้นหรือลง จะดำเนินการสืบสานตามเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตรา โดยมอบทองเข้าคลังหลวงเป็นทุนสำรองของประเทศทุกปี แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือจะต้องเป็นเงินทุนสำรองของชาติเท่านั้น ห้ามนำไปทำประโยชน์ด้านอื่นๆ หากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ก็จะมีการรวมพลังงานคัดค้านแน่นอน
นายเศรษฐพุฒิ ซึ่งกำลังจะพ้นตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.เดือน ก.ย.68 ระบุปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่มารับมอบทองคำ ในปีต่อไปจะมาร่วมงานจะมาในฐานะคณะศิษย์หลวงตามหาบัว และมาติดตามเรื่องทองคำที่บริจาค โดยขอยืนยันว่าทั้งเงินและทองคำที่บริจาคทั้งหมด อยู่ที่ห้องมั่นคง ธปท.ไม่เคยเคลื่อนย้ายไปที่ไหนแต่อย่างใด นับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงิน ทั้งหนุนหลังการออกพันธบัตร และช่วยให้ค่าเงินบาทไม่อ่อนค่า ซึ่งทองคำส่วนนี้จะเป็นทุนสำรองต่อเนื่องต่อไป เว้นเสียแต่ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายที่สำคัญ 2 ฉบับ ให้รวมกันแล้วแก้วัตถุประสงค์ นั่นคือ พ.ร.บ. ธปท. และ พ.ร.บ.เงินตราฯ ซึ่งหากแก้ไขให้รวมกันก็จะกลายเป็นจุดเสี่ยงเพราะปัจจุบันนี้ 2 กฎหมายนี้มีการแยกบัญชีที่ชัดเจน ซึ่งต้องจับตามองกันต่อไป

”ขอขอบคุณ คณะศิษย์หลวงตามหาบัว ที่วางใจ ธปท. ในการดูแลทองคำ ซึ่งก็มาพร้อมภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ ถ้าว่าไปแล้ว เงินสำรองระหว่างประเทศ หากมองตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อปี 41 ก็มีราว 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 68 ทุนสำรองมีรวม 276 พันล้านดอลลาร์ ทวีคูณขึ้นมา 10 เท่า ส่วนหนึ่งก็มาจากความศักดิ์สิทธ์ของโครงการนี้ อย่างไรก็ดี ชะล่าใจไม่ได้ เสถียรภาพเรา เทียบกับ 5-6 ปีที่แล้ว ไม่ได้แข็งแรงเท่าที่ควร มีปัญหาเป็นหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น มองไปข้างหน้าพายุกำลังมา สงครามการค้าที่เกิดขึ้นมาแน่นอน ช่วงนี้จำเป็นต้องใส่ใจในเสถียรภาพสูงมาก ช่วยกันอุดรอยรั่ว สามัคคี ร่วมมือร่วมใจจำเป็นอย่างสูงในยามนี้ ซึ่งคำสอนที่หลวงตากล่าวไว้ เหมาะสมอย่างมากกับสถานการณ์นี้ถ้าประเทศมีปัญหาทุกคนล้วน ไปไม่รอด ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีหรือประชาชนก็ไปกันหมด เมืองไทย ไปรอดด้วยพลังสามัคคี และรักชาติ อย่าหวังเพิ่งภายนอกประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริง” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากพิธีมอบทองคำเสร็จสิ้น ทางคณะศิษย์หลวงตามหาบัว ได้มอบดอกกุหลาบสีเหลืองเป็นกำลังใจแก่นายเศรษฐพุฒิ ด้วย. -511- สำนักข่าวไทย