CAAT เร่งออกใบอนุญาตใช้โดรนขนส่งภายในปี 2568

ระยอง 25 เม.ย. – สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมโดรน เตรียมทดสอบการใช้โดรนขนส่ง พร้อมเร่งออกใบอนุญาตให้กับภาคเอกชนภายในปี 2568


พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เปิดเผยภายหลังนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ดูระบบนิเวศนวัตกรรมโดรน (Ecosystems) ณ วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ UAV Regulatory Sandbox ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ทำการทดสอบ วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับโดรน ว่า CAAT ได้ร่วมมือและสนับสนุนวังจันทร์วัลเลย์ ด้านการอนุมัติ อนุญาตทำการบิน หรือการทดสอบต่าง ๆ เกี่ยวกับโดรนให้มีความสะดวกรวดเร็ว สามารถนำผลการทดสอบ ทดลอง วิจัยและพัฒนาที่ได้มาต่อยอดในการสร้างนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโดรน เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศต่อไป อีกทั้ง CAAT ยังได้ปรับปรุงและพัฒนากฏหมาย โดยปรับปรุงและแก้ไขข้อจำกัดการอนุญาตโดรน  ที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการขับเคลื่อนและใช้งานโดรนขนาดใหญ่อย่างแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงมีผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศนำโดรนหรือระบบที่เกี่ยวข้องหลากหลายประเภทมาทดสอบที่ UAV Regulatory Sandbox วังจันทร์วัลเลย์เพิ่มมากขึ้น เช่น โดรนในทางวิศวกรรมเพื่อการสำรวจและการทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ โดรนเกษตร โดรนกู้ภัย และโดรนรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ผลที่ได้จากการทดสอบโดรนในพื้นที่ Sandbox ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี เกิดรูปแบบการปฏิบัติการบินโดรนแบบใหม่ ๆ ผู้ประกอบการกล้าที่จะคิดค้นสิ่งใหม่ และเป็นกรณีศึกษาหรือ แนวปฏิบัติที่ดีให้กับผู้ที่สนใจรายอื่น ๆ ด้วย

ปัจจุบัน CAAT ได้จับมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนแม่บท หรือ Drone Master Plan ให้ออกมาเป็น Roadmap สำหรับประเทศไทยที่มีรายละเอียดทั้งด้านนโยบาย กฎหมาย การพัฒนาบุคลากร การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย ความมั่นคง และการป้องกันสิทธิส่วนบุคคล ครบทุกมิติ และในปี 2568 นี้ CAAT เริ่มทำการรับรองศูนย์ฝึกอบรมและหลักสูตรการฝึกอบรมผู้บังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ที่จะช่วยผลิตบุคลากรที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมโดรนให้มีความรู้ด้านการบิน กฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบินโดรน และมีทักษะความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีโดรนอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ CAAT ยังมีแผนปรับปรุงพัฒนากฎระเบียบเพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโดรนให้ก้าวไปข้างหน้า ได้แก่


  1. การจัดทำกฎระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การอนุญาตโดรนประเภทความเสี่ยงปานกลาง (Specific Category) เพื่อให้ครอบคลุมการปฏิบัติการบินที่หลากหลายและเป็นระบบมากขึ้น  
  2. การปรับปรุงรูปแบบของกฎระเบียบในรูปแบบ TCARs เพื่อรองรับการแบ่งประเภทของการปฏิบัติ    การบินตามความเสี่ยง และมีรูปแบบของกฎระเบียบที่เป็นสากลมากขึ้น              
  3. กฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องการการปฏิบัติการบิน เช่น กฎระเบียบเกี่ยวกับการทำการบินนอกระยะสายตา (Beyond Visual Line of Sight : BVLOS) การปรับปรุงและใช้งานห้วงอากาศ รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อยืนยันตัวตนและแสดงตำแหน่งสำหรับโดรน เป็นต้น
  4. การปรับปรุง พ.ร.บ. การเดินอากาศฯ เพื่อให้กฎหมายแม่บท เหมาะสมกับการกำกับดูแลโดรน ในบริบทต่าง ๆ รวมถึงรองรับโดรนซึ่งกำลังถูกนำมาพัฒนาใช้ในการขนส่งมวลชนในอนาคตอันใกล้นี้
  5. การออกคู่มือและแนวปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ขออนุญาตและผู้บังคับมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน เป็นรูปแบบเดียวกัน
  6. การผลักดันให้เกิดการใช้ “โดรนขนส่ง” ในเขตเมือง ซึ่งขณะนี้ CAAT ได้หารือร่วมกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ศูนย์บริหารจัดการห้วงอากาศ (ประเทศไทย) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนที่สนใจ เพื่อวางแผนพื้นที่และวิธีการทดสอบการใช้โดรนขนส่งในเขตกรุงเทพมหานคร คู่ขนานไปกับการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐที่เริ่มจัดทำร่าง พ.ร.บ. การใช้งานโดรน เพื่อการขนส่งและโลจิสติกส์แล้ว โดยในอนาคต CAAT จะพิจารณาในการออกใบอนุญาตการใช้โดรนขนส่งนี้ให้กับภาคเอกชนที่มีความพร้อมต่อไป

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีการสาธิตโดรนขนส่ง จากบริษัท เอวิลอน โรโบทิคส์ จำกัด ขนส่งยาและเวชภัณฑ์ โดยใช้โดรน Gryphon EX ในระยะทาง 2 กิโลเมตร ซึ่งบริษัท เอวิลอน ได้ปฏิบัติการขนส่งจริงในพื้นที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม นำส่งยาจากโรงพยาบาลพยัคฆภูมิพิสัยไปยังสถานีสุขภาพในชุมชน ช่วยให้ผู้ป่วยในพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยผู้ป่วยสามารถใช้บริการห้องผู้ป่วยนอกเสมือน (Virtual OPD) ที่สถานีสุขภาพ และได้รับยาและเวชภัณฑ์ผ่านทางโดรน ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ในชุมชน เป็นการลดการแออัดในโรงพยาบาล และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วยในการเข้าถึงการบริการ โดรนขนส่งจึงเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการให้แก่ทุกภาคส่วนในหลาย ๆ ด้าน เช่น เข้าถึงพื้นที่ห่างไกล ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับสินค้ารวดเร็วขึ้น ช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการในด้านการใช้น้ำมันและค่าบำรุงรักษา ลดปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนน รวมถึงลดการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อม เป็นต้น 
 
นอกจากนี้ ภายในศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ Intelligent Operation Center : IOC วังจันทร์วัลเลย์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้สาธิตระบบการบริหารจราจรทางอากาศสำหรับอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aircraft System Traffic Management : UTM) พื้นฐานในการบริหารจัดการห้วงอากาศ และการอนุญาตให้ขึ้นบินของอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินหรือโดรนในพื้นที่ห้วงอากาศควบคุม Controlled Airspace เพื่อให้การขออนุญาตการบินโดรนเป็นไปได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และถูกต้องการตามกฎระเบียบ

CAAT คาดการณ์ว่าอนาคตอันใกล้นี้ ไทยจะมีโดรนหลากหลายประเภทไม่ต่ำกว่า 1 ล้านลำ การกำกับดูแลการใช้โดรนจึงต้องขึ้นอยู่ประเภทความเสี่ยง ซึ่งตามมาตรฐานสากลจะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1. ความเสี่ยงต่ำ กลุ่มใช้เพื่อความบันเทิงทั่วไป เช่น โดรนถ่ายภาพและวิดีโอทางอากาศ 2. ความเสี่ยงปานกลาง กลุ่มธุรกิจ เช่น โดรนเกษตร  โดรนสำรวจและตรวจสอบ และ 3. ความเสี่ยงสูง กลุ่มโดรนที่มีการขนส่งผู้โดยสาร หรือโดรนขนสินค้าขนาดใหญ่ ดังนั้นจะมีหน่วยงานอื่น ๆ ตามหน้าที่ความรับผิดชอบเข้ามากำกับดูแลด้วย จึงเป็นความท้าทายของ CAAT ในการพัฒนาระบบกำกับดูแล และกลไกต่าง ๆ รวมถึงการสนับสนุนและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโดรนให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีและการใช้โดรนที่ทันสมัย การกำหนดมาตรฐานบุคลากรในอุตสาหกรรมโดรนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และทักษะที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงาน การนำเทคโนโลยีระบบสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ในการกำกับดูแลเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการประสานและร่วมมือทั้งในและต่างประเทศในการผนึกกำลัง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นภารกิจที่ CAAT จะเป็นผู้นำพัฒนาและขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมโดรนของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป. -517-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย