กรุงเทพฯ 22 เม.ย. – ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มี.ค.และ 3 เดือนข้างหน้า ลดลง หวั่นผลกระทบทั้งสงครามการค้าและแผ่นดินไหว เสนอรัฐเร่งหาทางออก ทั้งหาตลาดใหม่ และพัฒนาศักยภาพอุตฯ ไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน มี.ค.68 อยู่ที่ระดับ 91.8 ลดลงจากเดือน ก.พ.68 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 93.4 ผลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) กระทบต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ในขณะที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ในอัตรา 25% (เริ่ม 12 มี.ค.68) อาจส่งผลให้การส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักชะลอตัวลง โดยในปี 2567 ไทยมีการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียม คิดเป็น 18.16% และ 13.29% ของการส่งออกทั้งหมด สำหรับภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากนักท่องเที่ยวในกลุ่มตลาดหลักที่ลดลงโดยในเดือน ก.พ.68 นักท่องเที่ยวจีนลดลงจากเดือม ก.พ.67 ราว 44.92% มาเลเซีย ลดลง 16.57% เป็นผลจากความกังวลด้านความปลอดภัย และการเข้าสู่ช่วงถือศีลอด
นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุจากยอดส่งออกรถยนต์ลดลง จากการชะลอคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้า เพื่อรอความชัดเจนในนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้การส่งออกรถยนต์เดือน ก.พ.68 มียอดคำสั่งซื้อลดลง 8.34% กระทบอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ อีกทั้งกำลังซื้อในภูมิภาคยังคงเปราะบาง จากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะข้าว, อ้อย, มันสำปะหลัง
ขณะที่ปัจจัยบวก ได้แก่ มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น การผ่อนคลายเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ส่งผลดีต่อคลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง, คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบง.) ปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดภาระค่าพลังงานลง 1 บาท/ลิตร โดยมีผล 2 ช่วง ครั้งละ 50 สตางค์/ลิตร ช่วงแรก 28 มี.ค.68 และช่วงสอง 4 เม.ย.68
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,357 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. ในเดือน มี.ค.68 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 57.3% เศรษฐกิจโลก 53.4% และสถานการณ์การเมืองในประเทศ 43.6% ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน 31.9% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) 30.5% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 18.3%
ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 95.7 ลดลงจาก 97.6 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เนื่องจากผู้ประกอบยังคงห่วงกังวลในเรื่อง มาตรการปรับขึ้นภาษีขอสหรัฐ อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะมาจากมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น และมีส่วนช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ (เริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 68) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการเที่ยวคนละครึ่งและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทเฟส 3 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคและการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 2/68
สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ประกอบด้วย ขอให้ภาครัฐบูรณาการความร่วมมือในการจัดทำแผนรับมือเหตุแผ่นดินไหวและมีระบบการตรวจสอบความปลอดภัยในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ลดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ,เร่งเปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพรองรับสินค้าไทยเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้าและขอให้ภาครัฐออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมในประเทศไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (S-Curve และ New S-Curve) เช่น มาตรการทางภาษี เงินอุดหนุนในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ การ Upskill และ Reskill แรงงาน รวมทั้งการปรับลดค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น .-511- สำนักข่าวไทย