กรุงเทพฯ 18 เม.ย.-รมว.เกษตรฯ ย้ำจะนำข้อเสนอของสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทยเสนอต่อนายกรัฐมนตรี โดยเชื่อนายกรัฐมนตรีจะรับฟังเสียงเดือดร้อนของเกษตรกรที่หวั่นต่อการเปิดนำเข้า “วัวอเมริกา” ในการเจรจาปรับดุลการค้า ชี้ความทุกข์ของเกษตรกรคือ ความทุกข์ของรัฐมนตรีเกษตรฯ ด้วย
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า จะนำข้อเสนอของสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทยที่นำผู้แทนกลุ่มเกษตรกร 60 กลุ่มจากทั่วประเทศมายื่นหนังสือให้รัฐบาลทบทวนการเปิดนำเข้าเนื้อและเครื่องในโคจากสหรัฐอเมริกาตามแผนที่คณะผู้แทนไทยจะไปเจรจาปรับดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อมีความกังวลใจว่า การเปิดนำเข้าเนื้อและเครื่องในโคจากสหรัฐอเมริกาจะเป็นการซ้ำเติมเกษตรกรจากปัญหาราคาตกต่ำที่เกิดขึ้นจากการเปิดนำเข้าเนื้อโคจากออสเตรเลีย ภาษี 0% ซึ่งเกษตรกรยังคงเกษตรกรขาดทุนเป็นวงกว้าง รวมทั้งส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อตั้งแต่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและตนเองก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคมั่นใจได้ว่า กระทรวงเกษตรฯ จะนำปัญหาของชี้แจงต่อผู้เกี่ยวข้องให้ทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อสามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างมั่นคงต่อไป โดยความทุกข์ของเกษตรกร ถือเป็นความทุกข์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ด้วย
ทั้งนี้เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะรับฟังเสียงของเกษตรกรและยึดหลักการไม่ให้มีผลกระทบต่อภาคเกษตรไทย
น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒน์ชัย แกนนำสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทยกล่าวย้ำว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อของไทยเจ็บปวดจากการเปิดนำเข้าเนื้อโคจากออสเตรเลีย ภาษี 0% หลังการทำ FTA ในการเจรจาปรับดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาคราวนี้ อย่านำวัวเนื้อมาเป็นแพะรับบาปอีกเลย เนื้อโคจากสหรัฐอเมริกาเป็นขยะที่เมื่อนำเข้ามาจะทำให้เกษตรกรเจ๊งทันที
สมาคมผู้เลี้ยงโคเนื้อแห่งประเทศไทยจึงทำหนังสือถึงหนังสือนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้เข้าใจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยไม่เพียงเป็นการทำลายอาชีพผู้เลี้ยงโคเนื้อไทย แต่จะส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ อีกทั้งยังมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค หากมีการนำเข้าเนื้อที่มีสารเร่งเนื้อแดงซึ่งเป็นสารต้องห้ามในไทย และจัดเป็นสารก่อมะเร็งตามข้อมูลวิชาการ อาจกระทบต่อสุขภาพประชาชน และบั่นทอนความเชื่อมั่นในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่มีมาตรฐานเข้มงวด เช่น มาเลเซีย เวียดนาม และจีน
นอกจากนี้แผนนำเข้าเนื้อโคดังกล่าวสวนทางกับเจตนารมณ์ของโครงการ “โคแสนล้าน” ซึ่งรัฐบาลตั้งใจส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อให้เป็นทางรอดที่มั่นคงของเกษตรกรไทย
สมาคมผู้เลี้ยงโคเนื้อฯ ระบุว่า ในวันอังคารที่ 22 เมษายนนี้ ผู้แทนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ 60 กลุ่มจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่พรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.-512.-สำนักข่าวไทย