กรุงเทพฯ 10 เม.ย. – “ทรัมป์” กลับลำ ระงับการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เป็นเวลา 90 วัน ส่งผล “หุ้น-ทอง-น้ำมัน” บวกแรง เงินบาทแข็งค่า
ตลาดหุ้นไทยเปิดบวกเช้านี้ โดยบางช่วงขึ้นไปถึง 50 จุด ขึ้นไปสูงสุดถึง 1,138 จุด เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ (10 เม.ย.) ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบและทองคำขยับขึ้น ส่วนเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.16-34.18 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.07 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ พลิกแข็งค่ากลับมาสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียหลายสกุล หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศระงับการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เป็นเวลา 90 วัน ให้กับทุกประเทศ ยกเว้นจีน แต่ภาษีพื้นฐานที่เก็บเพิ่ม 10% ยังเก็บต่อไป โดยให้เหตุผลประเทศต่าง ๆ มากกว่า 75 ประเทศ ได้ติดต่อมายังสหรัฐฯ เพื่อเจรจาหาทางออก ต่างจากจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็น 84% จากเดิม 34% มีผลบังคับใช้ในวันนี้ 10 เม.ย. ทรัมป์ตอบโต้กลับอีกประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 125% จากเดิม 104% แต่สิ่งที่โลกไม่คาดคิด คือ ทรัมป์กล่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำของคณะกรรมการสภาคองเกรสแห่งชาติ ว่า nations are “kissing my ass” to negotiate tariffs ประเทศต่างๆ กำลังมา “จูบก้นฉัน” อ้อนวอนขอให้ได้มาเจรจาข้อตกลงการค้า
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรรมการผู้จัดการ บล.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ มองว่า ทรัมป์ ดำเนินการชาญฉลาด ได้เรียนรู้จากแท็คติกทรัมป์ คือ การตบหัวแล้วลูบหลังอะไรที่มันสุดโต่ง อะไรที่มันดูเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายแล้วเขาจะไม่ทำ และที่สุดๆ ได้ปั่นหุ้นอีก ทั้งนี้การที่ไทยโดนภาษีเพิ่มมาอีก 10% กระทบกับ GDP ไทย แต่ยังได้เรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบายมา ก็ช่วย GDP Growth ปีนี้น่าจะยังประคองตัวได้ที่ 2% ในขณะที่ SET Index อยู่ในจุดที่มี Valuation น่าสนใจ จากนี้โอกาสที่จะลงหลุดร่วงจนถึง 1,000 จุด เริ่มน้อยลง และน่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นไปเหนือ 1,150 จุด ได้ไม่ยากนัก เรื่องนี้ต้องขอบคุณมาตรการ ของ ตลท. ที่ออกมาทันท่วงทีในเรื่องมาตรการรองรับความผันผวน
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผอ.อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่ ทรัมป์ ประกาศชะลอการเก็บภาษีออกไป 90 วัน ยกเว้นจีน ส่งผลให้ในวันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถไว้วางใจ “ทรัมป์” ได้ เพราะที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนนโยบายไปมาตลอดเวลา และที่สำคัญ สหรัฐฯ ยังคงเก็บภาษีจีนอยู่ถึง 104% ซึ่งหากสงครามการค้าดำเนินอยู่ เศรษฐกิจโลกก็ยังคงผันผวนสูง รวมทั้งประเทศไทยก็ยังคงมีปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีความเปราะบางสูงมาก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนที่พอจะมีเงินสดอยู่บ้าง เป็นโอกาสเก็บหุ้นที่พื้นฐานดี และไม่เกี่ยวกับการส่งออกไปสหรัฐฯ มากนัก เช่น กลุ่มค้าปลีก, ธนาคารพาณิชย์, และกลุ่มโรงแรม เป็นต้น ซึ่งมีหุ้นบางตัวที่ราคาร่วงลงมาลึก จึงเป็นโอกาสกลับเข้าไปเก็บสะสมได้ โดยหุ้นเหล่านี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะกลาง – ยาว แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังไม่ค่อยดี ซึ่งในวันนี้คาดว่าดัชนี SET มีแนวต้านในระดับ 1,160 จุด และแนวรับ 1,100 จุด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในวันพุธ (9 เม.ย.) COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 89.20 ดอลลาร์ หรือ 2.98% ปิดที่ 3,079.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และเช้านี้กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก SPDR ซื้อทองคำ 11.17 ตัน ทำให้จำนวนทองคำที่ถือครอง ณ ตอนนี้ อยู่ที่ 937.09 ตัน เป็นการซื้อทองคำที่มากที่สุดในวันเดียว ด้านสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่ง WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.77 ดอลลาร์ หรือ 4.65% ปิดที่ 62.35 ดอลลาร์/บาร์เรล, BRENT ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.66 ดอลลาร์ หรือ 4.23% ปิดที่ 65.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านทองคำในประเทศไทย สมาคมค้าทองคำประกาศราคาเช้านี้จนถึงเวลา 10.14 น. ราคาขยับขึ้นทั้ง 5 รอบรวม ขึ้น 550 บาท ต่อบาททองคำ ราคาทองคำแท่งขายออก 50,400 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,200 บาท
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ (10 เม.ย.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) มาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ลดลง 0.1% ในเดือน มี.ค. หลังจากที่ลดลง 0.7% ในเดือน ก.พ. ผิดกับคาดการณ์นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าจีนยังคงเผชิญภาวะเงินฝืด ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) มาตรวัดต้นทุนราคาสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ร่วงลง 2.5% ในเดือน มี.ค. เป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.67 นับว่าเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 29. -511-สำนักข่าวไทย
