กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – ม.หอการค้าฯ คาดมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ทำมูลค่าส่งออกไทยลดลง 3.59 แสนล้านบาท กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว ประเมินจีดีพีปี 68 อาจโตต่ำกว่า 2%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลกระทบของภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีพื้นฐาน สำหรับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ โดยประเทศไทยโดนเรียกเก็บถึงร้อยละ 37 ซึ่งจะมีผล 9 เม.ย.นี้ ว่าตัวเลขที่ออกมานั้น มากกว่าที่เคยประมาณการณ์เอาไว้ที่ 10-15% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ที่ประมาณการณ์ไว้ในระดับ 2.5-3.0% แต่เมื่อมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าถึงร้อยละ 36 คาดว่ามาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 จะมีผลทำให้มูลค่าการส่งออกรวมของไทยลดลงประมาณ 359,104 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ -1.93% ของ GDP โดยเป็นผลกระทบทางตรงจากการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ ลดลง 300,237 ล้านบาท ขณะที่ผลกระทบทางอ้อม มีทั้งการส่งออกวัตถุดิบของไทยในห่วงโซ่อุปทานจีน –เม็กซิโก แคนาดา กับสหรัฐฯ อีกราว 58,867 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลให้เศรษฐกิจขยายตัวลดลง 1-2% ดังนั้นทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจปี 2568 จะโตต่ำกว่า 2% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก ทั้งนี้การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามีมูลค่าถึงร้อยละ 20 ของ GDP ประเทศ ซึ่งอาจทำให้การส่งออกอาจขยายตัวไม่ถึง 2% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวจะชะลอตัวทั่วโลกรวมถึงไทย ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยอาจไม่ถึงเป้า 38- 39 ล้านคน ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะต้องเผชิญกับสงครามการค้าเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องติดตามว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศจะมีการเจรจาต่อรองอย่างไรรวมถึงไทย และสหรัฐจะมีการชะลอมาตรการกำแพงภาษีหรือไม่ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด.-516-สำนักข่าวไทย