MEA ย้ำความพร้อม ระบบไฟฟ้าเสถียร ปลอดภัย รับมือพีคหน้าร้อน 2568

กรุงเทพฯ 26 มี.ค. – MEA คาดการณ์ความต้องการใช้พลังไฟฟ้าสูงสุดปี 2568 จำนวน 9,977 เมกะวัตต์ แนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.77% พร้อมรับมือการใช้ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี และระบบศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA แนะนำการประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนโดยการ “ปิด – ปรับ – ปลด – เปลี่ยน – ปลูก” และใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย


นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยสถิติการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ว่า ตามที่ในช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงฤดูที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุดในรอบปีนั้น สำหรับปี 2568 จากจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 4.32 ล้านราย MEA คาดการณ์ค่าพีคในระบบจำหน่ายของ MEA ไว้ที่ 9,977 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากค่าสูงสุดของปี 2567 เท่ากับ 174 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 1.77% จากปี 2567 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง ประกอบกับสภาพอากาศร้อนเป็นอย่างมาก ตามการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยของกรมอุตุนิยมวิทยา โดยอุณหภูมิสูงที่สุดจะอยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส (ทั้งนี้ MEA รายงานความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงสุดปี 2568 จากข้อมูล ณ ปัจจุบัน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา อุณหภูมิสูงสุด 36.6 องศาเซลเซียส เวลา 15.30 – 16.00 น. ที่ 8,758.63 เมกะวัตต์)

ขณะที่หน่วยจำหน่ายไฟฟ้าของ MEA ทั้งหมดของปี 2568 คาดว่าจะมีจำนวน 57,212.35 ล้านหน่วย หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 2.13% จากปี 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน การขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า และการเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ส่วนต่อขยายสายสีชมพู อย่างไรก็ตามยัง มีปัจจัยการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงได้ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หรือการผลิตไฟฟ้าใช้เองของผู้ใช้ไฟฟ้าจากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar rooftop)


ผู้ว่าการ MEA กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยสาเหตุการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้นในช่วงฤดูร้อน MEA จึงมีการเตรียมพร้อมระบบจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาใช้สนับสนุนระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงและเพียงพอ ต่อความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหัวใจสำคัญอย่างศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าซึ่งทำหน้าที่คอยควบคุมดูแลการจ่ายไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือซึ่งก็คือ ระบบ SCADA/EMS/DMS (Supervisory Control and Data Acquisition/ Energy Management System/ Distribution Management System) ติดตั้งใช้งานที่ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าทั้งสองแห่ง (ชิดลม และแจ้งวัฒนะ) ทำหน้าที่เป็นระบบตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ในการตรวจสอบสถานะ ตลอดจนวิเคราะห์การทำงานของระบบควบคุมแล้วส่งสัญญาณแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบอย่างรวดเร็วแบบ Real time มีระบบ Fault Location, Isolation & System Restoration (FLISR) ที่ช่วยให้พนักงานศูนย์ควบคุมระบบจําหน่ายใช้ในการตรวจสอบและระบุตําแหน่งเหตุผิดปกติ และสามารถแนะนําขั้นตอนการสลับแหล่งจ่ายไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาและกู้คืนระบบให้กลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ได้รับมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัย NERC CIP (North American Electric Reliability Corporation Critical Infrastructure Protection) เป็นมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยในกลุ่มพลังงานไฟฟ้าที่นำไปใช้ในการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านสินทรัพย์สารสนเทศที่สำคัญต่อเสถียรภาพของระบบการจ่ายไฟฟ้า รองรับโครงการระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Metro Grid สามารถสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าทั้งระบบสายส่ง อากาศ และสายส่งใต้ดิน ครอบคลุมการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ เพื่อพัฒนาระบบการจ่ายไฟให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น  

จากความพร้อมในด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้าของ MEA เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่าความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งดัชนีความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า SAIFI (System Average Interruption Frequency Index) รวมถึงค่าเฉลี่ยระยะเวลาที่ระบบเกิดไฟฟ้าขัดข้อง SAIDI (System Average Interruption Duration Index) โดยมีค่า SAIFI อยู่ที่ 0.508 ครั้ง/ราย/ปี และ SAIDI อยู่ที 15.134 นาที/ราย/ปี (สถิติค่า SAIFI ลดลง 10.72% และสถิติค่า SAIDI ลดลง ร้อยละ 23.75%) และยังสามารถบรรลุเป้าหมายค่าเฉลี่ยที่อยู่ในมาตรฐานการกำหนดของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ครั้งล่าสุด (ปี 2567) ที่กำหนดไว้ที่ SAIFI ไม่เกิน 0.75 ครั้ง/ราย/ปี และ SAIDI 24.58 นาที/ราย/ปี ต่อยอดความสำเร็จให้สูงขึ้นในทุก ๆ ปี ยังคงเป็นเส้นทางที่ MEA จะต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

MEA ยังพัฒนาระบบการรับแจ้งเหตุผ่าน MEA Smart Life Application ที่ประชาชนสามารถดาวน์โหลดและใช้ในการถ่ายภาพ แจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องได้รวดเร็ว พร้อมเชื่อมโยงกับระบบแผนที่ GIS ของ MEA ที่มีความแม่นยำ ทำให้ระบบสามารถแจ้งเตือนไปถึงเจ้าหน้าที่ MEA ให้สามารถเข้าไปแก้ไขระบบไฟฟ้าในพื้นที่ได้ทันที ภายใต้ชื่อระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า FFM (Field Force Management) อีกทั้งมีการนำ Software ที่ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลอุปกรณ์ไฟฟ้าและบริหารจัดการงานบำรุงรักษาด้วยคอมพิวเตอร์ หรือระบบ Computerized Maintenance Management System (CMMS) มาช่วยสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานบำรุงรักษาให้มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยคำนวณต้นทุนในการซ่อมแซม การพยากรณ์อายุการใช้งานของอุปกรณ์ระบบจำหน่าย ฯลฯ เพื่อลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ชำรุด ลดจำนวนครั้งและระยะเวลาไฟฟ้าดับในระบบจำหน่ายไฟฟ้า ยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการด้านระบบไฟฟ้าเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนตามวิสัยทัศน์พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร


อย่างไรก็ตาม MEA แนะนำวิธีประหยัดไฟฟ้าช่วงหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ส่งผลให้มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานมากขึ้น เป็นเหตุให้เสียค่าไฟมากขึ้นที่ ควรดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานและปลอดภัย โดยใช้หลัก “ปิด – ปรับ – ปลด – เปลี่ยน – ปลูก” ได้แก่ ปิดไฟที่ไม่ใช้ ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26-27 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมควบคู่ ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน เปลี่ยนมาใช้เครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูงและหลอดไฟ LED ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดี พร้อมติดตั้งสายดินและเครื่องตัดไฟรั่วเพื่อป้องกันอันตราย ตลอดจนปลูกต้นไม้เพื่อสร้างร่มเงาให้บ้านเย็นขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงพายุฤดูร้อน ขอให้ประชาชนตรวจสอบความแข็งแรงของป้ายโฆษณา และระยะห่างจากสายไฟฟ้า หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง พร้อมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและกิ่งไม้รอบบ้านให้ปลอดภัยจากการพาดสายไฟฟ้า ป้องกันไฟฟ้าดับและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ หรือติดต่อ MEA Call Center 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง. -516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]