MEA ย้ำความพร้อม ระบบไฟฟ้าเสถียร ปลอดภัย รับมือพีคหน้าร้อน 2568

กรุงเทพฯ 26 มี.ค. – MEA คาดการณ์ความต้องการใช้พลังไฟฟ้าสูงสุดปี 2568 จำนวน 9,977 เมกะวัตต์ แนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.77% พร้อมรับมือการใช้ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี และระบบศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA แนะนำการประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนโดยการ “ปิด – ปรับ – ปลด – เปลี่ยน – ปลูก” และใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย


นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยสถิติการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ว่า ตามที่ในช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงฤดูที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุดในรอบปีนั้น สำหรับปี 2568 จากจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 4.32 ล้านราย MEA คาดการณ์ค่าพีคในระบบจำหน่ายของ MEA ไว้ที่ 9,977 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากค่าสูงสุดของปี 2567 เท่ากับ 174 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 1.77% จากปี 2567 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง ประกอบกับสภาพอากาศร้อนเป็นอย่างมาก ตามการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยของกรมอุตุนิยมวิทยา โดยอุณหภูมิสูงที่สุดจะอยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส (ทั้งนี้ MEA รายงานความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงสุดปี 2568 จากข้อมูล ณ ปัจจุบัน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา อุณหภูมิสูงสุด 36.6 องศาเซลเซียส เวลา 15.30 – 16.00 น. ที่ 8,758.63 เมกะวัตต์)

ขณะที่หน่วยจำหน่ายไฟฟ้าของ MEA ทั้งหมดของปี 2568 คาดว่าจะมีจำนวน 57,212.35 ล้านหน่วย หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 2.13% จากปี 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน การขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า และการเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ส่วนต่อขยายสายสีชมพู อย่างไรก็ตามยัง มีปัจจัยการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงได้ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หรือการผลิตไฟฟ้าใช้เองของผู้ใช้ไฟฟ้าจากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar rooftop)


ผู้ว่าการ MEA กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยสาเหตุการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้นในช่วงฤดูร้อน MEA จึงมีการเตรียมพร้อมระบบจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาใช้สนับสนุนระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงและเพียงพอ ต่อความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหัวใจสำคัญอย่างศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าซึ่งทำหน้าที่คอยควบคุมดูแลการจ่ายไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือซึ่งก็คือ ระบบ SCADA/EMS/DMS (Supervisory Control and Data Acquisition/ Energy Management System/ Distribution Management System) ติดตั้งใช้งานที่ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าทั้งสองแห่ง (ชิดลม และแจ้งวัฒนะ) ทำหน้าที่เป็นระบบตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ในการตรวจสอบสถานะ ตลอดจนวิเคราะห์การทำงานของระบบควบคุมแล้วส่งสัญญาณแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบอย่างรวดเร็วแบบ Real time มีระบบ Fault Location, Isolation & System Restoration (FLISR) ที่ช่วยให้พนักงานศูนย์ควบคุมระบบจําหน่ายใช้ในการตรวจสอบและระบุตําแหน่งเหตุผิดปกติ และสามารถแนะนําขั้นตอนการสลับแหล่งจ่ายไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาและกู้คืนระบบให้กลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ได้รับมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัย NERC CIP (North American Electric Reliability Corporation Critical Infrastructure Protection) เป็นมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยในกลุ่มพลังงานไฟฟ้าที่นำไปใช้ในการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านสินทรัพย์สารสนเทศที่สำคัญต่อเสถียรภาพของระบบการจ่ายไฟฟ้า รองรับโครงการระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Metro Grid สามารถสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าทั้งระบบสายส่ง อากาศ และสายส่งใต้ดิน ครอบคลุมการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ เพื่อพัฒนาระบบการจ่ายไฟให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น  

จากความพร้อมในด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้าของ MEA เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่าความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งดัชนีความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า SAIFI (System Average Interruption Frequency Index) รวมถึงค่าเฉลี่ยระยะเวลาที่ระบบเกิดไฟฟ้าขัดข้อง SAIDI (System Average Interruption Duration Index) โดยมีค่า SAIFI อยู่ที่ 0.508 ครั้ง/ราย/ปี และ SAIDI อยู่ที 15.134 นาที/ราย/ปี (สถิติค่า SAIFI ลดลง 10.72% และสถิติค่า SAIDI ลดลง ร้อยละ 23.75%) และยังสามารถบรรลุเป้าหมายค่าเฉลี่ยที่อยู่ในมาตรฐานการกำหนดของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ครั้งล่าสุด (ปี 2567) ที่กำหนดไว้ที่ SAIFI ไม่เกิน 0.75 ครั้ง/ราย/ปี และ SAIDI 24.58 นาที/ราย/ปี ต่อยอดความสำเร็จให้สูงขึ้นในทุก ๆ ปี ยังคงเป็นเส้นทางที่ MEA จะต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

MEA ยังพัฒนาระบบการรับแจ้งเหตุผ่าน MEA Smart Life Application ที่ประชาชนสามารถดาวน์โหลดและใช้ในการถ่ายภาพ แจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องได้รวดเร็ว พร้อมเชื่อมโยงกับระบบแผนที่ GIS ของ MEA ที่มีความแม่นยำ ทำให้ระบบสามารถแจ้งเตือนไปถึงเจ้าหน้าที่ MEA ให้สามารถเข้าไปแก้ไขระบบไฟฟ้าในพื้นที่ได้ทันที ภายใต้ชื่อระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า FFM (Field Force Management) อีกทั้งมีการนำ Software ที่ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลอุปกรณ์ไฟฟ้าและบริหารจัดการงานบำรุงรักษาด้วยคอมพิวเตอร์ หรือระบบ Computerized Maintenance Management System (CMMS) มาช่วยสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานบำรุงรักษาให้มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยคำนวณต้นทุนในการซ่อมแซม การพยากรณ์อายุการใช้งานของอุปกรณ์ระบบจำหน่าย ฯลฯ เพื่อลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ชำรุด ลดจำนวนครั้งและระยะเวลาไฟฟ้าดับในระบบจำหน่ายไฟฟ้า ยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการด้านระบบไฟฟ้าเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนตามวิสัยทัศน์พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร


อย่างไรก็ตาม MEA แนะนำวิธีประหยัดไฟฟ้าช่วงหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ส่งผลให้มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานมากขึ้น เป็นเหตุให้เสียค่าไฟมากขึ้นที่ ควรดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานและปลอดภัย โดยใช้หลัก “ปิด – ปรับ – ปลด – เปลี่ยน – ปลูก” ได้แก่ ปิดไฟที่ไม่ใช้ ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26-27 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมควบคู่ ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน เปลี่ยนมาใช้เครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูงและหลอดไฟ LED ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดี พร้อมติดตั้งสายดินและเครื่องตัดไฟรั่วเพื่อป้องกันอันตราย ตลอดจนปลูกต้นไม้เพื่อสร้างร่มเงาให้บ้านเย็นขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงพายุฤดูร้อน ขอให้ประชาชนตรวจสอบความแข็งแรงของป้ายโฆษณา และระยะห่างจากสายไฟฟ้า หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง พร้อมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและกิ่งไม้รอบบ้านให้ปลอดภัยจากการพาดสายไฟฟ้า ป้องกันไฟฟ้าดับและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ หรือติดต่อ MEA Call Center 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง. -516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย