กรุงเทพ 25 มี.ค.-ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชี้สถานการณ์ที่อยู่อาศัยภาคตะวันออก(อีอีซี)ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา จากผลการสำรวจภาคสนามไตรมาส 4 ปี 2567 มีสัดส่วนลดลง 15% ส่วนมาตรการ LTV ของภาครัฐที่ออกมา เอกชนมองว่า จะช่วยกระตุ้นการซื้อบ้านได้ไม่มากเท่าที่ควร
นางสาวสิทธิเพ็ญ สิทธัตถพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ รักษาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคตะวันออก(อีอีซี) ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา จากผลการสำรวจภาคสนามไตรมาส 4 ปี 2567 ว่า มีสัดส่วนลดลง 15% จากทั้งหมด 63,000 หน่วย โดยมูลค่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าวมีมูลค่ารวม 10% จากมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ 3.6 ล้านล้านบาท ในส่วนจังหวัดชลบุรี มียอดขายลดลง 12% ระยองมียอดขายลดลง 62% และฉะเชิงเทรา มียอดขายลดลง 53%
นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดชลบุรี ได้งบประมาณมาราว 1.5 ล้านล้านบาทในการพัฒนาจังหวัดที่ครอบคลุมทุกด้านทั้งอุตสาหกรรม ถนนหนทาง รถไฟ และสนามบินซึ่งชลบุรีมีมูลค่ารวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีละ 60,000 ล้านบาท โดยอำเภอบางละมุงที่มีเมืองพัทยารวมอยู่ด้วยมียอดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สูงที่สุดของจังหวัดชลบุรี ราว 31,347 ล้านบาท คิดเป็น 53%ของจังหวัด ส่วนอำเภอศรีราชา มียอดการซื้อขายรองลงมาคือปีละ 10,658 ล้านบาท สำหรับอาคารชุดที่มีราคา 2.64 ล้านบาทจะขายดีที่สุดมียอดการโอนถึง 60% โดยเฉพาะที่เมืองพัทยา จะมียอดการซื้ออาคารชุดสูงที่สุดของจังหวัดชลบุรี ส่วนบ้านเดี่ยวที่ผ่านมาจะมีราคา 3.12 ล้านบาท แต่ตอนนี้ราคาขยับไป 4 ล้านกว่าบาทแล้วจากการเติบโตของเมือง โดยบ้านเดี่ยวจะขายดีที่สุดในเขตอำเภอเมือง
ส่วนมาตรการ LTV ที่ออกมาเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถขอสินเชื่อได้มากขึ้นรวมทั้งการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารรัฐเพื่อช่วยกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ตนเองมองว่า มาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมการซื้อของคนที่ต้องการมีบ้านหลังที่ 2 และหลังที่ 3 มากกว่า เพราะเวลานี้อสังหาริมทรัพย์มีอาการซบเซาที่สุดในรอบ 30 ปี ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐนำมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองให้เหลือเพียง 0.01% กลับมาใช้มากกว่า
นายทายาท กาญจนะจิตรา นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง เปิดเผยว่า ราคาที่อยู่อาศัยที่จังหวัดระยอง ส่วนใหญ่จะมีราคาอยู่ที่ 1.8-3 ล้านบาทโดยขณะนี้มียอดโอนลดลง อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเพราะเมื่อมีโครงการอีอีซี ทำให้ทุกอำเภอในจังหวัดระยองเติบโต ไม่ได้กระจุกตัวอยู่เฉพาะในเขตตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง อำเภอบ้านฉาง อำเภอปลวกแดงแล้ว แต่ได้กระจายความเจริญไปยังอำเภอบ้านค่าย อำเภอแกลง เนื่องจาก 2 อำเภอนี้มีที่ดินราคาถูกกว่าที่กล่าวมาข้างต้น
ส่วนมาตรการ LTV ของภาครัฐที่ออกมา ตนเองมองว่า คงจะช่วยได้บางส่วนเพราะ LTV เป็นส่วนที่ปลายทางและไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดนักเพราะต้องมีการแก้หนี้และการขอสินเชื่อให้ได้ก่อน.-513.-สำนักข่าวไทย