“สุริยะ” ชี้แจงปมกล่าวหา 2 โครงการคมนาคมเอื้อเอกชน

กรุงเทพ 25 มี.ค.- “สุริยะ” โต้ ส.ส.พรรคประชาชน ปมกล่าวหา 2 โปรเจกต์คมนาคมเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ลั่นอย่ามโน-บิดเบือนข้อเท็จจริง ยันดำเนินการเพื่อประเทศชาติ-พี่น้องประชาชน ชี้แก้ไขสัญญาไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน ทำรัฐได้ประโยชน์ พร้อมช่วยประหยัดดอกเบี้กว่า 2.4 หมื่นล้าน ด้านขยายสัมปทาน-เดินหน้าโครงการ Double Deck ย้ำช่วยแก้ปัญหาการจราจร ลดระยะเวลาเดินทาง-ลดเชื้อเพลิง มูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 7 พันล้าน


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้ (25 มี.ค.) ว่า ตามที่นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชนได้กล่าวหาถึงกรณีการแก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยระบุว่า ให้เอกชนได้รับสัมปทานไปก่อน แล้วมาแก้สัญญาภายหลัง มีการวางแผนการนี้ไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนคู่สัญญานั้น ซึ่งตนมองว่า การอภิปรายดังกล่าว พยายามสร้างเรื่องราวบิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่า โครงการดังกล่าว เกิดขึ้นในยุครัฐบาลก่อนๆ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ อีกทั้งยังไม่ได้เสนอไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาโครงการฯ ซึ่งตามขั้นตอน จะต้องมีการพิจารณาร่วมกันอีกหลายหน่วยงาน รวมถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้รัฐไม่เสียประโยชน์อย่างแน่นอน ส่วนที่มีการอภิปรายว่า การดำเนินการดังกล่าว เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนคู่สัญญา หรือต้องการจะสื่อสารว่า มีผู้ใหญ่เป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังนั้น ยืนยันว่า ตนไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับคู่สัญญาแต่อย่างใด


นายสุริยะ กล่าวต่อว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ครม. ได้มีมติอนุมัติโครงการฯ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 และลงนามสัญญาร่วมลงทุน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ เข้ามาบริหารเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ซึ่งยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งในการสร้างปัญหา แต่เข้ามาดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานับตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื่องจาก EEC มีการลงทุนจากภาคเอกชนไปแล้วกว่า 1.8 ล้านล้านบาท หากถอยโครงการนี้ ประเทศจะเสียหายมาก และเป็นสัญญาที่เกิดขึ้นก่อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีผลกระทบต่อการลงทุนด้วย

นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นเหตุสุดวิสัยตามสัญญาข้อ 28.1 (1) (ฉ) เอกชนไม่สามารถชำระค่าสิทธิแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จำนวน 10,671 ล้านบาท ได้ตามกำหนด เพื่อไม่ให้การบริการหยุดชะงัก ครม.จึงมีมติเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) EEC และเอกชน เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยด่วน ซึ่ง รฟท. และเอกชนจึงได้ทำ MOU โดยเอกชนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินรถ และบำรุงรักษาและรับความเสี่ยงทั้งหมด จนถึงปัจจุบัน เอกชนขาดทุนสะสมไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท

ส่วนประเด็นสำคัญที่เป็นปัญหา คือ เงื่อนไขของสัญญาที่ลงนามกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า เอกชนต้องได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ก่อน จึงจะเริ่มการก่อสร้างได้ ดังนั้น เมื่อเอกชนยังไม่ได้รับบัตรส่งเสริมจาก BOI เนื่องจากเหตุสุดวิสัยได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ของจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเสนอแผนทางการเงินให้สมบูรณ์ตามแผนเดิม เพื่อขอรับบัตรส่งเสริมจาก BOI และระยะเวลาการขอรับบัตรส่งเสริมฯ สิ้นสุดลง จึงเกิดสถานะที่เรียกว่า Dead Lock ของสัญญาขึ้น


ดังนั้น การแก้ปัญหามีอยู่เพียง 2 ทาง ได้แก่ 1.การแก้ไขสัญญา และ 2.การยกเลิกสัญญาและประมูลใหม่ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบทั้ง 2 ทางเลือกแล้ว การยกเลิกสัญญาและประมูลใหม่เป็นทางเลือกที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย ทำให้คู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาได้ และการประมูลใหม่จะทำให้รัฐเสียหาย เนื่องจากผลกระทบทางต้นทุน

ขณะเดียวกันจะทำให้โครงการล่าช้าไปอีกอย่างน้อย 3 ปี จะส่งผลให้มูลค่าการก่อสร้างสูงขึ้นอย่างมาก และจะกระทบต่อแผนงานโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ในพื้นที่ EEC ที่ลงทุนไปแล้วกว่า 1.8 ล้านล้านบาท รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ นอกจากนี้ การประมูลใหม่อาจนำไปสู่การฟ้องร้องและข้อพิพาททางกฎหมาย ซึ่งจะทำให้โครงการหยุดชะงัก และไม่สามารถคาดการณ์ระยะเวลาในการก่อสร้างได้

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน จะจ่ายค่างานโยธาตามความก้าวหน้าของการก่อสร้างนั้น ขอชี้แจงว่า โครงการดังกล่าว ยังคงเป็นรูปแบบPPP Net Cost เหมือนเดิม และเอกชนยังคงเป็นผู้รับความเสี่ยงรายได้จากปริมาณผู้โดยสารเหมือนเดิม รัฐไม่ได้เสียผลประโยชน์แต่อย่างไร โดยจะเห็นว่า เอกชนต้องวางหลักประกันเพิ่มเติม 160,000 ล้านบาท เพื่อประกันความสำเร็จของการก่อสร้างและการเปิดเดินรถไฟฟ้าความเร็วสูง อีกทั้งการแก้ไขสัญญา รัฐจะจ่ายเงินน้อยลงจาก 149,650 ล้านบาท เหลือเพียง 125,932 ล้านบาท ทำให้รัฐสามารถประหยัดดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 24,000 ล้านบาท

“ผมขอยืนยันว่า กระบวนการแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน เพื่อเป็นการยืนยันว่า รัฐจะไม่เสียหายและเสียประโยชน์ นอกจากนี้ ผมขอยืนยันต่อสมาชิกอันทรงเกียรติอีกครั้งว่า การแก้ไขปัญหาตามหลักการจะทำให้รัฐมีความเสี่ยงลดลง รัฐจ่ายเงินร่วมลงทุนเท่าเดิม และรัฐได้ค่าสิทธิแอร์พอร์ตเรลลิ้งก์เท่าเดิม” นายสุริยะ กล่าว

ขณะที่การกล่าวหาถึงเรื่องการขยายสัมปทานทางด่วน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งการดำเนินการในเรื่องนี้นั้น ต้องการแก้ไขปัญหาจราจรให้พี่น้องประชาชน เนื่องจากพบว่า พี่น้องประชาชนที่ใช้ทางด่วนศรีรัช ช่วงพระราม 9 – งามวงศ์วาน จะต้องเผชิญกับปัญหารถติดมาก และต้องจ่ายค่าผ่านทางที่แพงมากด้วยเช่นกัน อีกทั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยังได้รายงานว่า โครงการนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนโครงข่ายทางด่วนในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ ที่ได้เปิดใช้งานมาแล้วกว่า 35-40 ปี

ทั้งนี้ เดิมออกแบบให้รองรับปริมาณจราจร 8-9 แสนคันต่อวัน แต่ปัจจุบันปริมาณจราจรมีถึงกว่า 1-1.2 ล้านคันต่อวัน โดยเฉพาะบนทางด่วนศรีรัช ช่วงพระราม 9 – งามวงศ์วาน ซึ่งการดำเนินการนั้น ถือเป็นการเพิ่มจำนวนช่องจราจร ลดการตัดกระแสจราจรอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และสามารถแยกรถเดินทางไกลและใกล้ออกจากกัน โดยไม่ต้องมีการเวนคืนที่ดินของพี่น้องประชาชน

สำหรับโครงการทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) เป็นโครงการต่อเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลในอดีต และเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ให้กระทรวงคมนาคม โดย กทพ. ไปศึกษาหาทางแก้ไขปัญหาจราจรบนทางด่วนที่ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤติ โดย กทพ. ได้ศึกษาวิเคราะห์และเสนอผลการศึกษาขั้นไปตามลำดับ และ ครม. มีมติรับทราบเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565

ทั้งนี้ หากโครงการ Double Deck แล้วเสร็จ ประชาชนผู้ใช้ทางจะสามารถลดระยะเวลาการเดินทางบนทางด่วนในช่วงพระราม 9 – งามวงศ์วาน จาก 60 นาที เหลือ 40 นาที และทำให้ความเร็วเฉลี่ยในการเดินทางเพิ่มขึ้น จาก 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 27 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้น หากดำเนินโครงการ Double Deck สำเร็จ จะทำให้ประชาชนประหยัดน้ำมันและเวลาในการเดินทาง คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี

นายสุริยะ กล่าวต่ออีกว่า ด้านประเด็นการลดค่าทางด่วนเหลือ 50 บาทนั้น ก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดย กทพ. ได้วิเคราะห์และให้ใช้กับโครงข่ายทางด่วนในเขตเมืองเป็นลำดับแรก กล่าวคือ โครงข่ายทางด่วนเฉลิมมหานครและทางด่วนศรีรัช ซึ่งมีปริมาณจราจรประมาณ 1 ล้านคันต่อวัน คิดเป็น 60% ของผู้ใช้ทางด่วนทั้งหมด โดยการปรับลดค่าผ่านทางจากเดิมที่ต้องจ่ายมากสุด 90 บาท เหลือจ่ายไม่เกิน 50 บาท ขณะเดียวกัน กทพ. ได้เข้าชี้แจงและให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการทุกครั้ง รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) แล้ว ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ก็ไม่ได้มีข้อกล่าวหาว่าการเจรจาเพื่อแก้ไขสัญญาสัมปทานในครั้งนี้เป็นการดำเนินการที่มิชอบแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ผู้ว่า กทพ. ดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามระเบียบ มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ไม่มีการปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด อย่่งไรก็ตาม หากท่านผู้อภิปรายมีข้อแนะนำเรื่องใดในภารกิจของกระทรวงคมนาคม หรือต้องการข้อมูล สามารถเดินทางไปพบที่กระทรวงคมนาคม เพื่อรับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง และข้อเสนอแนะ อันจะได้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน

”โครงการ Double Deck ถ้าไม่สร้างตอนนี้ รอสัมปทานปัจจุบันสิ้นสุดลงแล้วค่อยสร้าง ประชาชนจะยังคงเดือดร้อนไปอีกนับ 10 ปี ประเทศชาติเสียโอกาส ใครจะรับผิดชอบ? นอกจากนี้ ผมขอย้ำอีกทีครับ ทุกเรื่องที่ได้ชี้แจงไปนั้น ไม่ได้เป็นไปตามที่ท่านผู้อภิปราย หลับตามโนภาพ และจินตนาการไปเอง เป็นการอภิปรายกล่าวหาโดยตั้งอยู่บนจินตนาการในมโนภาพ ไม่ได้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง แต่ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลคิดทุกอย่าง อยู่บนหลักการเพื่อจะแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ“ นายสุริยะ กล่าว. -513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

“เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.- เชิญชวนคนไทยใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค. รัฐสนับสนุนสูงสุด 3,000/คืน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ล่าสุด มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นคำขอลงทะเบียนผ่านระบบ https://partner.tat.or.th แล้วกว่า 34,005 ราย และมีผู้ผ่านการตรวจสอบและลงทะเบียนสำเร็จแล้วถึง 6,400 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวด เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดและป้องกันการสวมสิทธิ์ ขั้นตอนสำคัญของการลงทะเบียน ผู้ประกอบการต้องกรอกหนังสือยินยอมให้ธนาคารกรุงไทยตรวจสอบข้อมูล เพื่อป้องกันการหลอกลวงและการแฝงตัวของสถานประกอบการที่ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยธนาคารจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3 วัน ก่อนส่งข้อมูลให้ ททท. นำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากนั้นประชาชนจะสามารถจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และเริ่มเดินทางท่องเที่ยวจริงได้ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ สำหรับสิทธิประโยชน์ของโครงการ รัฐบาลจัดสรรสิทธิ์รวม 500,000 […]

นายกฯ เผยผู้นำฝรั่งเศสพร้อมหนุนไทยหาทางออกปมชายแดน

30 มิ.ย.- นายกฯ เผยผลสายตรง “มาครง” แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น สานต่อความร่วมมือทุกมิติ ยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ย้ำยึดกลไกทวิภาคีหาทางออกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งผู้นำฝรั่งเศสเข้าใจในท่าทีและพร้อมให้การสนับสนุน ยืนยันไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมเชิญประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยือนไทยอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเผยผลการหารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศสระบุ “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อและกระชับความร่วมมือทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศและระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทยในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทยและพร้อมให้การสนับสนุน ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกันค่ะ ” .-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 […]

ตชด.ลาดตระเวนเข้ม 24 ชม. แนวชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 29 มิ.ย. – ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ลาดตระเวน ตั้งบังเกอร์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.โคกสูง เฝ้าระวังพื้นที่ตลอด 24 ชม. หลังมีรายงานกลุ่มชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืช-สร้างสิ่งปลูกสร้าง ละเมิดข้อตกลง MOU 43 วันนี้ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 (ตชด.12) จัดกำลังลาดตระเวนแนวชายแดนในพื้นที่เปราะบาง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกสูง และอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากมีกรณีข้อพิพาท ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจุดที่ยังเป็นพื้นที่ข้อพิพาทจากแนวเขตตาม MOU ปี 2543 ซึ่งห้ามทั้งสองประเทศสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใดๆ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตชด.12 ในการตรวจจุดแนวชายแดน โดยเริ่มจากแนวตะเข็บรอยต่อบริเวณอำเภอโคกสูง ซึ่งติดกับ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่เรียกว่าดินต่อดิน ซึ่งเป็นแนวกั้นธรรมชาติอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจากแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศ ที่มีคลองธรรมชาติ ซึ่งแนวคลองลึกและจะมีแนวลวดหนามกั้นชัดเจนตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ เผยว่า บริเวณ อ.โคกสูง มีรายงานว่ากลุ่มชาวกัมพูชา ลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืชหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ซึ่งละเมิดข้อตกลง […]