กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – SCB FM มอง Fed ลดดอกเบี้ยกลางปีจากเศรษฐกิจที่ชะลอ ทำให้เงินบาทจะทยอยแข็งค่าได้ แต่ Tariffs อาจดันเงินเฟ้อและกดดันบาทอ่อนระยะสั้น
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ตามคาด อย่างไรก็ดี แม้ Fed จะพยายามส่งสัญญาณว่าความไม่แน่นอนมากขึ้นและเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ตลาดกลับให้โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในปีนี้มีมากขึ้น โดย Price-in ที่ราว 75 bps ซึ่งมากกว่าที่ Fed สื่อสารใน Dot plot ทั้งนี้ SCB FM ยังคงมุมมองเดิมว่า Fed อาจลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยการลดครั้งแรกอาจเป็นการประชุมเดือน มิ.ย. และอาจลดอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้
สำหรับค่าเงินบาท ในระยะสั้นนี้ เงินบาทยังมีแนวโน้มทรงตัวในกรอบ 33.50-34.00 โดยพบว่าในช่วงที่ผ่านมา แรงกดดันด้านแข็งค่าเริ่มมีมากขึ้น แต่เงินบาทยังไม่ทะลุแนวรับสำคัญที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ตลาดยังไม่เชื่อมั่นกับการประกาศนโยบาย Tariffs ของทรัมป์มากนัก เนื่องจากที่ผ่านมามักมีการประกาศ แต่ก็เลื่อนการบังคับใช้หรือให้ข้อยกเว้นในสินค้าบางกลุ่ม ทำให้ Reactions ในตลาดการเงินเริ่มลดลงเป็นลำดับ อีกทั้ง ยังพบว่า ธปท. เข้าดูแลค่าเงินบาทในบางจังหวะ ทำให้ความผันผวนของเงินบาทไม่มากนัก สำหรับในระยะกลางถึงยาวซึ่งจะทำให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นได้ โดยมองกรอบปลายปีที่ราว 32.50-33.50 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ เนื่องจาก เริ่มเห็นสัญญาณที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอลงชัดเจนขึ้น ขณะที่นโยบายการคลังในยุโรปมีมากขึ้น ทำให้เริ่มเห็นเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากสหรัฐฯ เข้ายุโรปมากขึ้น เงินยูโรจึงมีแนวโน้มแข็งค่า กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าต่อ และเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าได้
อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลกยังมีอยู่มาก ซึ่งอาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าในบางจังหวะ เช่น การประกาศมาตรการภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ที่มองว่า ณ ขณะนี้ ตลาดยังไม่ได้ Price-in เข้าไปในราคาทั้งหมด อาจทำให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงสั้น กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าเหนือ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้ นอกจากนี้ ปัจจัยในประเทศ เช่น ภาวะการเงินที่ตึงตัว และความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่ม SMEs และผู้มีรายได้ต่ำ อาจทำให้ กนง. ลดดอกเบี้ยเหนือคาด ซึ่งกดดันให้บาทอ่อนค่ากว่าที่ประเมินได้เช่นกัน. -516-สำนักข่าวไทย