กรุงเทพฯ 18 มี.ค. – กลุ่มเกษตรกรจาก 19 จังหวัด ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เทปลาหมอคางดำ 2 ตัน บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นยาวนาน 13 ปี หลังเอเลียนสปีชีส์ชนิดนี้ระบาดในแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งผู้ก่อปัญหาต่อระบบนิเวศและอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
เมื่อเวลา 12.40 น.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจาก 19 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้เทปลาหมอคางดำ 2 ตัน บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหานี้ตามข้อเรียกร้อง 4 ข้อที่เสนอไป แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจึงต้องแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความเดือดร้อนของพวกเขา
เจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือไม่ให้ชุมนุมโดยรอบทำเนียบรัฐบาลในระยะ 50 เมตร จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือเพื่อสาปแช่งผู้ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในประเทศไทย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระชับพื้นที่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไปปักหลักบริเวณหน้าองค์การสหประชาติ
ต่อมานายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.กทม.จากพรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนฝ่ายค้านเดินทางมารับหนังสือข้อเรียกร้อง จากนั้นแกนนำการชุมนุมระบุว่า อาจยุติการชุมนุมชั่วคราวเพื่อแยกย้ายกลับภูมิลำเนาและนัดหมายรวมตัวติดตามข้อเรียกร้องอีกครั้ง
สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ
- ให้ตั้งกรรมการสอบสวนหาผู้กระทำผิดที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
- กำจัดปลาหมอคางดำภายใน 1 ปี
- ประกาศเขตภัยพิบัติเพื่อจ่ายค่าเยียวยา
- ดำเนินคดีต่อผู้ก่อหายนะต่อระบบนิเวศ
กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของสัตว์น้ำรุกรานต่างถิ่นชนิดนี้ ได้ลุกลามขยายตัวจนเกินกว่าที่ชาวบ้านจะแก้ไขปัญหาได้เอง รวมทั้งส่งผลกระทบกับระบบนิเวศในวงกว้าง การดำเนินงานของรัฐบาลที่เคยประกาศว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับไม่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้งบประมาณเพียง 12 ล้านบาทเพื่อจับปลาหมอคางดำอีกรอบหนึ่ง แต่ยังคงเหลือปลาหมอคางดำอีกหลายสิบล้านตันที่ไม่ถูกกำจัด ทำแค่ในลักษณะไฟไหม้ฟาง
ที่ผ่านมาประชาชนพยายามพึ่งพาตนเองโดยได้ฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง แต่เป็นเพียงชั้นรับฟ้องคดีแบบกลุ่ม หากสิ้นสุดกระบวนการซึ่งคาดว่า จะใช้เวลาอย่างน้อย 3 – 4 ปี และเป็นการฟ้องเฉพาะประชาชนจังหวัดสมุทรสงคราม แต่มีประชาชนใน 19 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบและยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ซึ่งไม่ว่า ศาลจะตัดสินให้บริษัทเอกชนต้องจ่ายสินไหมทดแทนหรือไม่ แต่ขอบเขตการฟ้องร้องยังไม่รวมผลกระทบต่อระบบนิเวศและอื่นๆ ตัวแทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก 19 จังหวัดได้เดินทางมาชุมนุมและยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีแล้วตั้งแต่วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ. -512-สำนักข่าวไทย