ตลท.7 มี.ค.- ประธานบอร์ด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แนะนักลงทุนอย่าแพนิก ชี้หุ้นขึ้นได้ – ลงได้ อย่าเล่นหุ้นตามข่าวลือ อย่ารีบร้อน พร้อมเผยเร่งแก้กฏหมายหลายฉบับในครั้งเดียว (Omnibus Law) ให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน เพื่อเร่งฟื้นความเชื่อมั่นและความน่าสนใจของตลาดทุนไทย
ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดทุนมีปัญหาทั่วโลก ไม่เฉพาะตลาดทุนไทย ซึ่งเกิดจากปัญหาจีโอโพลิติกส์ เศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ได้เติบโต ตลากหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งสร้างออกมาตรการสร้างความเชื่อมั่น และฟื้นฟูตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อที่จะนำบริษัทจดทะเบียนที่มีอยู่ให้มีผลประกอบการดีขึ้น โดยมาตรการใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ เช่น โครงการ Jump+ สนับสนุน บริษัทจดที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า โดยการเอาบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นมาสร้างมูลค่าสูงขึ้น และจะได้รับสิทธิพิเศษจาก SET, IOD, และสิทธิประโยชน์ทางภาษี / โครงการ Treasury Stock Buyback ปลดล็อกเงื่อนไขซื้อหุ้นคืน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจำหน่ายหุ้น และนอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีมาตรการที่จะดำเนินการเพิ่มเติมคือ การรวมรวม พัฒนากฏหมายตลาดทุน (Omnibus Law for Capital Market) โดยจะมีการจัดให้มีโครงสร้างหุ้นสองระดับ (Dual-class share) การเพิ่มความคล่องตัวในการจัดโครงสร้างและการควบรวม รวมถึงร่วมกับบีโอไอ สนับสนุน New Economy เช่น ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งบริษัทที่มีในปัจจุบันและบริษัทต่างประเทศ เมื่อมาลงทุนแล้วก็สร้างกลไกของหุ้น เพื่อให้เห็นว่ามาลงทุนแล้วได้ประโยชน์ไม่สูญเสียอำนาจ ซึ่งในส่วนของ New Economy ก็จะมีการสร้าง Ecosystem สนับสนุนการเติบโตของ Startups รวมถึงผลักดัน Reglonal Listing Hub
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีแผนส่งเสริมการลงทุนระยะยาว โดยการออมหุ้นและมีการยกเว้นอัตราภาษีสำหรับการลงทุนซื้อหุ้นตามจำนวน เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Nipon Individual Saving Account ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและใกล้จะสำเร็จ หากสำเร็จอาจจะตั้งชื่อว่า “TISA” หรือ Thailand Individual Saving Account โดยจะให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี เพื่อจูงใจให้ประชาชนเก็บออมเงินเพื่อการเกษียณผ่านการซื้อหุ้นไทย เชื่อว่าจะช่วยฟื้นดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ “TISA” จะแตกต่างจาก LTF, RMF ตรงที่ประชาชนทุกคนสามารถเก็บออมหุ้นได้ โดยได้รับการยกเว้นภาษี ตามจำนวนที่กำหนดและเมื่อขายหรือเกษียณก็ไม่ต้องเสียภาษี เท่ากับเป็นการสะสมโดยตรง ไม่ต้องซื้อขายผ่านกองทุน ซึ่งทาง ก.ล.ต.เห็นด้วยแล้ว หากได้ผลสรุปของการศึกษาจะเสนอไปยังกระทรวงการคลัง ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เผยเตรียมแก้กฎหมายหลายฉบับในครั้งเดียว (Omnibus Law) เพื่อเร่งสนับสนุนโครงการต่างๆ ดังที่กล่าวมาให้เกิดขึ้นได้เร็ว เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นและความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทย ส่วนตัวเชื่อว่าจะเห็นความชัดเจนได้ใน 3-4 เดือน
“หุ้นที่ต่ำลงในวันนี้ไม่ได้มีเฉพาะไทยประเทศเดียว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากปัญหาจีโอโพลิติกส์ เศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ได้เติบโต ส่วนตัวยอมรับว่าหุ้นต่ำ หลายบริษัทแม้ว่าจะมี performance ทีดีแต่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีเยอะมาก ซึ่งนักลงทุนควรตั้งใจศึกษา อย่าไปแพนิก ขาย ขาย ขาย หากยังไม่ขายก็ไม่ขาดทุนก็ควรเก็บไว้ก่อน อย่าเล่นหุ้นตามข่าวลือ เล่นหุ้นจากงบการเงิน อย่ารีบร้อน หุ้นขึ้นได้ก็ลงได้” ประธานบอร์ด ตลท.กล่าว -517-สำนักข่าวไทย