กรุงเทพฯ 7 มี.ค.-รมว.เกษตรฯ เร่งขับเคลื่อนนโยบาย “เกษตรมูลค่าสูง” ยกระดับรายได้เกษตรกร หนุนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิต ผลผลิตคุณภาพดี และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด นำร่องด้วย “กาแฟ-โกโก้-ถั่วเหลือง” ตั้งเป้าส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรให้เพิ่มขึ้นสู่ 1.9-2 ล้านล้านบาทในปีนี้
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการยกระดับรายได้ของเกษตรกรว่า กำหนดแนวทางปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบดั้งเดิมที่ “ผลิตมาก แต่สร้างรายได้น้อย” (More for less) ไปสู่เกษตรสมัยใหม่ที่ “ผลิตน้อย แต่สร้างรายได้มาก” (Less for more) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูงหรือเป็นสินค้าพรีเมียม โดยนำร่องที่ “กาแฟ โกโก้ ถั่วเหลือง” ซึ่งระยะแรกของการปรับเปลี่ยน เกษตรกรต้องใช้ระยะเวลาและเงินทุน ดังนั้น ทางกระทรวงเกษตรฯ จึงมีระบบกลไกสหกรณ์ โดยจะประสานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนให้เกษตรกรรายย่อยด้วย
ทั้งนี้จะให้เกษตรกรที่เล็งเห็นถึงโอกาสและความสำคัญ หากมีพื้นที่เหมาะสมก็สามารถหันมาเพาะปลูกได้ โดยกระทรวงเกษตรฯพร้อมสนับสนุนตลอดห่วงโซ่อุปทานไปจนถึงช่องทางการจำหน่าย โดยประสานกับสำนักงานทูตเกษตร หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออก
ปัจจุบันเกษตรกรมีรายได้ 2 ช่องทางคือ รายได้จากภาคการเกษตรอยู่ที่ 2.2 แสนบาทต่อปีและรายได้นอกภาคการเกษตรกว่า 2 แสนบาทต่อปี แต่รายได้จากภาคการเกษตร มีเรื่องของต้นทุน ดังนั้น รายได้สุทธิจะอยู่ที่ 89,000 บาทต่อครัวเรือน ทำให้เล็งเห็นว่า จำเป็นจะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และยกระดับรายได้ของเกษตรกร
จากข้อมูลเมื่อปี 2566 ประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 66.05 ล้านคน แบ่งเป็นภาคการเกษตร 29.60 ล้านคนซึ่งจะเห็นว่า เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรไทยอยู่ในภาคการเกษตร
นอกจากนี้จำนวนแรงงานทั้งประเทศ ยังแบ่งเป็นภาคการเกษตรกว่า 48.75% หมายความว่าแรงงานไทยครึ่งหนึ่งอยู่ในภาคการเกษตร
ส่วนเนื้อที่ประเทศไทยซึ่งมร 320.7 ล้านไร่ แบ่งออกเป็นพื้นที่ภาคการเกษตรถึง 147.73 ล้านไร่ คิดเป็น 46.06% ซึ่งในจำนวนนี้มีนาข้าวเยอะมากที่สุด กว่า 64.08 ล้านไร่ รองลงมาเป็นพวกผลไม้ยืนต้น
สินค้าเกษตรไทยภาพรวมส่งออกในปี 2567 ที่ผ่านมามีมูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกผลผลิตสด มูลค่า 1 ล้านล้านบาท ส่วนสินค้าเกษตรแปรรูป มีมูลค่า 8 แสนล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 7.5% และในช่วง 3 ปีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังคงอันดับ 1 ของตลาดการส่งออก รองลงมา คือ ญี่ปุ่น สหรัฐ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย และเชื่อว่า ในปี 2568 มีโอกาสที่มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร จะเพิ่มขึ้น 1.9-2 ล้านล้านบาท โดยกระทรวงเกษตรฯ คาดหวังว่า จะทำได้เพื่อให้เกษตรกร “กินดีอยู่ดี” มากขึ้น.-512.-สำนักข่าวไทย