สนามบินภูเก็ต ครองแชมป์เที่ยวบินต่อวันสูงสุดสนามบินภูมิภาค

ญี่ปุ่น 28 ก.พ.- “มนพร” แจงสถิติเที่ยวบินสนามบินภูมิภาคโตต่อเนื่อง ภูเก็ตครองอันดับ 1 มอบวิทยุการบินฯ เร่งเดินหน้าโครงการเพิ่มศักยภาพการให้บริการจราจรทางอากาศ 9 ศูนย์ควบคุมการบินภูมิภาค


นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) รายงานสถิติการให้บริการจราจรทางอากาศของสนามบินภูมิภาคที่มีปริมาณเที่ยวบินพาณิชย์เฉลี่ยต่อวันสูงสุด 5 อันดับแรก ประจำปีงบประมาณ 2568 ได้แก่ สนามบินภูเก็ต ที่มีปริมาณเที่ยวบินสูงสุด 379 เที่ยวบิน รองลงมาเป็น สนามบินเชียงใหม่ 208 เที่ยวบิน สนามบินสมุย 123 เที่ยวบิน สนามบินหาดใหญ่ 68 เที่ยวบิน และสนามบินกระบี่ 66 เที่ยวบิน ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินฝึกนักบินของโรงเรียนการบินอีก ได้แก่ สนามบินนครราชสีมา ให้บริการเฉลี่ย 100 เที่ยวบินต่อวัน และสนามบินหัวหิน 70 เที่ยวบินต่อวัน

“บวท. เร่งดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพการให้บริการจราจรทางอากาศของศูนย์ควบคุมการบินภูมิภาคทั้ง 9 แห่ง ตามแผนพัฒนาสนามบินภูมิภาค และสนับสนุนการให้บริการรองรับเวลาเปิด-ปิดของสนามบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามบินที่มีการเติบโตของปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสาร เช่น สนามบินภูเก็ต และสนามบินกระบี่ ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สนามบินเชียงใหม่ที่เปิดให้บริการถึง 02.00 น. สนามบินสมุย และสนามบินหาดใหญ่ เปิดให้บริการถึง 24.00 น. อีกทั้งเน้นย้ำให้ บวท. ขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนและยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านการคมนาคมขนส่งทางอากาศของประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ตามนโยบายรัฐบาลต่อไป” นางมนพร กล่าว


นายณพศิษฐ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. กล่าวว่า บวท. เตรียมพร้อมรองรับการให้บริการการเดินอากาศ ตามแผนพัฒนาสนามบินภูมิภาค ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพการให้บริการจราจรทางอากาศสนามบินส่วนภูมิภาค และร่วมให้การสนับสนุน วางแผน ประสานการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด ร่วมกับหน่วยงานผู้ดำเนินงานสนามบิน ทั้งกรมท่าอากาศยาน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตามโครงการการพัฒนาและขยายท่าอากาศยาน เพื่อยกระดับขีดความสามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เติบโตขึ้น โดย บวท. มุ่งมั่นในการบริหารจัดการจราจรทางอากาศอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกเที่ยวบินที่ใช้บริการบนน่านฟ้าไทยให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

นายสุนันท์ นิ่มฟัก รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ควบคุมการบินส่วนภูมิภาคทั้ง 9 แห่ง ยังมีโครงการสำคัญ เพื่อยกระดับขีดความสามารถการให้บริการฯ (Provincial Air Traffic Control Center Excellent Initiative Program) และเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ ดังนี้​

  • ศูนย์ควบคุมการบินภูเก็ต จัดทำโครงการรองรับการปฏิบัติการบินและการให้บริการอากาศยานทางทะเล หรือ Seaplane ที่มีแผนจะเปิดให้บริการฯ อย่างเป็นทางการเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ภายในปี 2568 นี้
  • ศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ จัดทำโครงการบูรณาการความร่วมมือเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ในการสนับสนุนการปฏิบัติการบินภารกิจป้องกันและดับไฟป่าและบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)
  • ศูนย์ควบคุมการบินหาดใหญ่ จัดทำโครงการติดตั้ง 3D Aerodrome Simulator และจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศครบวงจร (Air Traffic Control Training Center) ภายในปี 2568 และจัดทำโครงการการนำระบบหอควบคุมจราจรทางอากาศอัจฉริยะ หรือ Digital remote Tower เข้าใช้งาน ณ สนามบินหาดใหญ่ สนามบินนราธิวาส และสนามบินเบตง ภายในปี 2569
  • ศูนย์ควบคุมการบินพิษณุโลก จัดทำโครงการการให้บริการจราจรทางอากาศเขตสนามบิน ประเภท Aerodrome Flight Information Service หรือ AFIS สำหรับสนามบินที่มีปริมาณเที่ยวบินน้อย โดยใช้ระบบ AFIS ให้บริการจราจรทางอากาศแทนเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ ซึ่งมีแผนนำเข้าใช้งานครั้งแรกในประเทศไทย ณ สนามบินแพร่ และสนามบินเพชรบูรณ์ ภายในปี 2568
  • ศูนย์ควบคุมการบินหัวหิน บวท. มีแผนติดตั้งระบบเรดาร์ทุติยภูมิ (Secondary Surveillance Radar : SSR) ทดแทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบติดตามอากาศยาน และประสานกับกรมท่าอากาศยาน (ทย.)ในการปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของสนามบิน เพื่อยกระดับสนามบินให้รองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ อีกทั้งร่วมสนับสนุนสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) ในภารกิจของศูนย์ฝึกอบรมนักบินพลเรือน รวมถึงการจัดทำโครงการ AFIS ณ สนามบินตราด
  • ศูนย์ควบคุมการบินสุราษฎร์ธานี สนับสนุนการจัดตั้งสนามบินน้ำ เพื่อรองรับการปฏิบัติการบินอากาศยานทางทะเล หรือ Seaplane รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาการให้บริการอากาศยานไร้คนขับเพื่อการขนส่ง (Advance Air Mobility : AAM) ณ สนามบินสมุย
  • ศูนย์ควบคุมการบินอุดรธานี ดำเนินโครงการต้นแบบ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการใช้งานโดรนทางการเกษตรในพื้นที่ห้วงอากาศควบคุม ภายใต้ “โครงการโดรนเกษตรปลอดภัย” ให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ และเกิดความปลอดภัย ณ จังหวัดนครพนม หรือ นครพนมโมเดล โดยมีแผนจะนำองค์ความรู้ขยายผลไปใช้ในพื้นที่ทางการเกษตรอื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไป
  • ศูนย์ควบคุมการบินอุบลราชธานี ดำเนินโครงการรณรงค์การใช้ห้วงอากาศปลอดภัย ในการจุด/ปล่อยบั้งไฟ ในช่วงเทศกาลตามประเพณีท้องถิ่น
  • ศูนย์ควบคุมการบินนครราชสีมา จัดทำโครงการจัดตั้งศูนย์ต้นแบบการให้บริการข่าวสารการบินนอกพื้นที่ห้วงอากาศควบคุม บริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ (Flight Information Service หรือ FIS) แห่งแรกในประเทศไทย และร่วมสนับสนุนโรงเรียนการบิน ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมนักบินเอกชน ของบริษัท Bangkok Aviation Center จำกัด (BAC).-516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]