กรุงเทพ 25 ก.พ. – นายกสมาคมโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อเศรษฐกิจชุมชน ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้พิจารณาอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่เหมาะสมที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่ได้และช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5
นางสาวภัทรภร วรามิตร นายกสมาคมโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อเศรษฐกิจชุมชน ยื่นหนังสือถึงนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีตัวแทนรับมอบ ให้พิจารณาอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่เหมาะสมที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายเอกนัฏ มีมาตรการช่วยเหลือการตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM 2.5 สร้างมูลค่าใบอ้อย ดันอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลสู่ Zero waters ฤดูกาลผลิตปี 2567-2568 ซึ่งที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าชีวมวลมีบทบาทสำคัญในการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 และในวันนี้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่เป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีการเผากลางแจ้งไม่ได้มีเฉพาะใบอ้อยและยอดอ้อยเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องอ้อย กระทรวงอุตสาหกรรมได้ของบประมาณจากรัฐบาลกว่า 7,000 ล้านบาทเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% เพื่อสนับสนุนชาวไร่อ้อยให้ตัดอ้อยสดและเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบด้านพลังงานป้อนโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล โดยนอกจากใบอ้อยและยอดอ้อยแล้วยังมีวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอื่นๆที่ใช้เป็นวัตถุดิบด้านพลังงานของโรงไฟฟ้าชีวมวล เช่น ฟางข้าว ตอซังข้าว ซังข้าวโพด เหง้ามันสำปะหลัง
การยื่นหนังสือครั้งนี้ ต้องการให้ภาครัฐพิจารณาอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่เหมาะสมที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการต่อได้ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงพลังงาน เคยรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวล หน่วยละ 4.33 บาท แต่เมื่อโรงไฟฟ้าชีวมวลหมดอายุสัมปทาน จะมีการซื้อไฟฟ้าเพียงหน่วยละ 2.28 บาทซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการอยู่ลำบาก ราคาต้นทุนอยู่ที่หน่วยละ 2.50-2.60 บาทเพราะขณะนี้ใบและยอดอ้อยมีราคาตันละ 1,100 บาท ถ้าภาครัฐยังคงรับซื้อไฟฟ้าชีวมวลในอัตราหน่วยละ 4.33 บาท ก็จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้แบบไม่ลำบากซึ่งการับซื้อวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรลดการเผากลางแจ้งจะช่วยป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้อีกทางหนึ่งด้วย.-513-สำนักข่าวไทย