หอการค้าฯ จับมือ SME D Bank ดันสินเชื่อใหม่ SMEs

กรุงเทพฯ 25 ก.พ. – หอการค้าฯ ชี้ SMEs ไทยอ่วม เข้าถึงแหล่งทุนไม่ได้ จับมือ SME D Bank ดันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3% ต่อปี แก้ปัญหากลุ่มเปราะบางกู้นอกระบบ พร้อมให้สิทธิสมาชิก ลดค่าธรรมเนียมการพิจารณาสินเชื่อ เตรียมเสนอรัฐขยายวงเงินสินเชื่อ Factoring จากเดิม 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท
 
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ภาคธุรกิจยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากผู้ประกอบการจำนวนมากประสบกับปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาหมุนเวียนสภาพคล่อง โดยพยายามหาทางรอดด้วยวิธีการต่าง ๆ บางรายหันไปพึ่งแหล่งเงินทุนจากสินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรเครดิตจาก non bank ยิ่งไปกว่านั้น บางรายพึ่งพาเงินนอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสูงมาก ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาจนยากต่อการแก้ไขในอนาคต วันนี้ต้องให้ความสำคัญกับการทำให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อให้ SMEs ได้สะดวกและเข้าถึงง่ายขึ้น เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลางสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยเฉพาะในภาคการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของธุรกิจก่อสร้างทั่วไปที่เชื่อมโยงกับหลากหลายอุตสาหกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการของภาครัฐ ซึ่งในบางกรณียังคงมีการเบิกจ่ายที่ล่าช้า ทำให้ผู้ประกอบการเกิดปัญหาสภาพคล่อง หากสามารถเพิ่มสภาพคล่องและการเข้าถึงสินเชื่อให้กับธุรกิจเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวเร็วขึ้น และนำไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน


“หอการค้าไทยและ SME D Bank ได้เล็งเห็นถึงบทบาทสำคัญของภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ และภาคบริการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลานี้ จึงได้เสนอให้ขยายวงเงินสินเชื่อ Factoring ของ SME D Bank สำหรับผู้รับเหมาที่มีศักยภาพ จากเดิม 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบมากขึ้น โดยหอการค้าไทยจะนำเสนอแนวคิดดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังภายในเดือนนี้ เพื่อผลักดันให้มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมต่อไป” นายสนั่น กล่าว

นายธวัชชัย เศรษฐจินดา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจที่หอการค้าฯ มุ่งเน้นนั้น เป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับประเทศ และเกี่ยวเนื่องไปถึงการสร้างรายได้ให้กับภาคประชาชน (แรงงาน) จำนวนมาก เช่น ภาคการท่องเที่ยว มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลายอย่าง แม้ตัวเลขการท่องเที่ยวจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นเป็นลำดับ สะท้อนจากจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่กลับมาเกือบเป็นปกติ แต่ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยก็ยังประสบกับปัญหาสภาพคล่อง และยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ ส่วนภาคการเกษตร ช่วงที่ผ่านมาได้เผชิญปัญหากับปรากฏการณ์เอลนีโญ–ลานีญา และสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมทั้ง ราคาปัจจัยการผลิตหลายชนิดยังอยู่ในระดับสูง จึงประสบกับปัญหาด้านต้นทุน การช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคการเกษตรนี้ จะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังแรงงานภาคการเกษตรได้อีกมาก ในขณะที่ ภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์นั้น มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่มีสัญญารับงานจากภาครัฐ ซึ่งจะเป็นหลักประกันที่ดีอย่างหนึ่งในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ เมื่อมีการขอสินเชื่อ ดังนั้น หากมีกลไกในการคัดกรองผู้ประกอบการที่ยังมีศักยภาพ เพื่อให้ความช่วยเหลือเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อแล้ว ก็จะช่วยให้ภาคธุรกิจนี้เติบโตได้ดีอีกครั้ง


นายพิชิต  มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า ธนาคารฯ ได้เปิดตัวสินเชื่อ 2 โครงการใหม่ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการ เปิดรับคำขอจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 นี้ ได้แก่
1) โครงการสินเชื่อ “ปลุกพลัง SME” วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็ก ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ในทุกภาคธุรกิจ ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ รวมถึงหมุนเวียน และเสริมสภาพคล่อง
ในธุรกิจ วงเงินกู้ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3%ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน และใช้ บสย.ค้ำประกันได้
และ 2) โครงการสินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME” วงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ในทุกภาคธุรกิจ ที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป สำหรับใช้เสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ ปรับเปลี่ยนทรัพย์สินหรือเครื่องจักร เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3%ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ใช้ บสย.ค้ำประกันร่วมได้
สำหรับความร่วมมือกับหอการค้าไทยนั้น นอกจากดอกเบี้ยที่ถูกแล้ว SME D Bank ยังมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกและเครือข่ายหอการค้าเพิ่มเติม ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการพิจารณาสินเชื่อ พร้อมกับการพิจารณาแบบ Fast track รู้ผลไว ไม่ต้องรอนาน ซึ่งกำหนดเป็นนโยบายการปฏิบัติในปัจจุบัน รวมทั้งสิทธิในการรับคำปรึกษา และบริการต่าง ๆ ที่อยู่ในแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ของธนาคารฯ นอกจากนั้น ในอนาคตจะมีการหารือร่วมกันทำแคมเปญพิเศษเป็นช่วง ๆ เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกหอการค้า รวมทั้งออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้ตรงกับความต้องการ และแก้ปัญหาการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในแต่ละกลุ่มธุรกิจต่อไป.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนยังเผชิญพายุฤดูร้อน ฝนตก-ลมแรง

กทม. 12 พ.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยา เผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ มีข้อจำกัดในการระบายน้ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ เนื่องจากการระบายน้ำอาจทำได้ไม่สะดวก และไม่ควรอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อนบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง โดยมีแนวโน้มลดลงหรือคงที่ เนื่องจากยังคงมีฝนตกหลายพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย

เร่งคุมเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มควันพวยพุ่ง

ลาดกระบัง 12 พ.ค.- ระดมกำลังเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ล่าสุดยังมีกลุ่มควันจำนวนมาก คาดความเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อเวลา 16.24 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนฉลองกรุง ขนานข้างเป็นแนวยาวติดกับแนวซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นโรงงาน 2 ชั้น แนวราบยาวจากพื้นดิน ยกพื้นสูงเป็นชั้นลอย โดยทำห้องใต้ดินไว้เก็บของและวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงตัวสินค้า หากเข้ามาในซอยฉลองกรุง 55 จะเป็นพื้นกำแพงของตัวโรงงานอยู่ด้านขวามือ จุดต้นเพลิง ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เข้าไปผจญเหตุ เล่าว่า อยู่บริเวณชั้นใต้ดิน หลังจากเกิดเหตุไม่สามารถที่จะลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูงต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษรวมถึงหน้ากากออกซิเจน ในการเข้าไป โดยจะเห็นได้ว่าตามช่องต่างๆ (ช่องกำแพง ช่องท่อ ช่องประตู) ก็จะมีกลุ่มควันนั้นลอยขึ้น และออกมาด้านนอก มูลค่าความเสียหาย เบื้องต้น ยังไม่สามารถประเมินค่าได้ ต้องรอให้เหตุการณ์สงบลง ทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เขตลาดกระบัง ร่วมกับ สน.ฉลองกรุง ซึ่งเป็นพื้นที่เขตความรับผิดชอบ ก็จะมีการเรียกพูดคุย และสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้ รวมถึงการประเมินมูลค่าทรัพย์สินความเสียหาย โดยตอนนี้ทางเจ้าของโรงงานได้ทราบเรื่องแล้ว ทางด้าน กรุงเทพมหานคร […]

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย