กรุงเทพฯ 25 ก.พ. – กลุ่มธนาคารยูโอบี กำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จ่ายเงินปันผลพิเศษ 50 เซนต์/หุ้นสามัญ ซื้อหุ้นคืน 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์
นายวี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า กลุ่มยูโอบีบรรลุผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง รายได้จากการค้าและการลงทุน ระยะยาวในด้านแพลตฟอร์มและศักยภาพในภูมิภาคกำลังเริ่มเห็นผล คณะกรรมการกลุ่มธนาคารยูโอบี เสนอจ่ายเงินปันผล 92 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาล 88 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ เงินปันผลรวมสำหรับปี 2567 จะเป็น 1.80 เหรียญสิงคโปร์ต่อหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 50
คณะกรรมการจึงได้ประกาศแผนมูลค่า 3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อคืนทุนส่วนเกินในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า แผนดังกล่าวประกอบด้วยเงินปันผลพิเศษและการซื้อหุ้นคืน โดยในปี 2568 ธนาคารจะเสนอจ่ายเงินปันผลพิเศษ 50 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นทุนส่วนเกินมูลค่า 800 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 90 ปีของธนาคาร ธนาคารยังได้เปิดตัวโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์
ในปี 2567 กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารยูโอบีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.0 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการค้าและการลงทุนที่แข็งแกร่ง รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิยังคงทรงตัวที่ 9.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งร้อยละ 5 ช่วยชดเชยผลกระทบจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จำนวน 2.4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตแข็งแกร่งขึ้น และค่าธรรมเนียมจากสินเชื่อเพิ่มขึ้น คุณภาพสินทรัพย์ยังคงมั่นคง โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ร้อยละ 1.5 นอกจากนี้ รายได้จากการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยคิดเป็นมากกว่าหนึ่งในสี่ของรายได้จากกลุ่มลูกค้าองค์กร
กลุ่มธนาคารยูโอบียังคงเห็นการไหลเข้าของเงินใหม่สุทธิที่แข็งแกร่ง ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของลูกค้าผู้มีมูลค่าสินทรัพย์สูงเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 แสนล้านเหรียญสิงคโปร์ เติบโตขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ในปี 2567 ธนาคารมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 850,000 ราย โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นลูกค้าที่ได้มาผ่านช่องทางดิจิทัล ณ สิ้นปี 2567 ฐานลูกค้ารายย่อยของธนาคารทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนเกือบ 8.4 ล้านราย.-515 -สำนักข่าวไทย