GC ตามติดสถานการณ์โลก ยอมรับปี 68 ยังยากลำบาก

กรุงเทพฯ 18 ก.พ.- GC ตามติดสถานการณ์โลก ยอมรับปี 68 ยังยากลำบาก หลายปัจจัยกดดัน รวมทั้งนโยบาย “ทรัมป์” ส่งผลเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและสร้างแรงกดดันต่อภาคธุรกิจ โดยปี 67 GC ขาดทุนสุทธิ 29,811 ล้านบาท เทียบกับปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 999 ล้านบาท เหตุผลหลักจากด้อยค่าสินทรัพย์ Vencorex- PTTAC และขาดทุนสตอกน้ำมัน


นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.พีทีที โกลบอลเคมิคอล หรือ GC แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/2567 มีรายได้จากการขายรวม 132,372 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 และขาดทุนสุทธิ 11,738 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,081 ล้านบาท ส่งผลปี 2567 บริษัท มีรายได้รวม 604,045 ล้านบาท ลดลง 2% และขาดทุนสุทธิ 29,811 ล้านบาท เทียบกับปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 999 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 31,766 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 17% จากปีก่อนหน้า มาจากผลประกอบการของกลุ่มผลิตภัณฑ์โรงกลั่นที่อ่อนตัวลงตาม GRM โดยส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบปรับลดลงเป็นหลัก และผลประกอบการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังคงมีปัจจัยกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว

นอกจากนี้ บริษัทขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ Vencorex และ PTTAC รวมทั้งรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสตอกน้ำมัน (Stock loss) และรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (NRV) รวม 2,457 ล้านบาท และผลขาดทุนจากเงินลงทุนที่รับรู้ในปี 2567 จำนวน 1,462 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงโดยเฉพาะธุรกิจโพลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) ที่ปรับลดลงตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PVC เป็นหลัก


ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 2,254 ล้านบาท โดยกำหนดให้วันที่ 4 มีนาคม 2568 เป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) ในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 8 เมษายน 2568 และมีสิทธิรับเงินปันผล รวมถึงกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เมษายน 2568

GC ยังมองระบุว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตในระดับคงที่ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในระดับร้อยละ 3.2 เช่นเดียวกับในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและ การเมืองระหว่างประเทศจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงโนยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและสร้างแรงกดดันต่อภาคธุรกิจ โดยรวม กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น บริษัทฯ คาดการณ์แนวโน้มราคาน น้ำมันดิบดูไบในปี2568 อยู่ที่เฉลี่ย 73-78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลความ ต้องการน้ำมันดิบจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากปี 2567 เนื่องจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะค่อยๆ ฟื้นตัวจาก มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม นโยบายการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกและการใช้พลังงานหมุนเวียนในหลายประเทศยังเป็นปัจจัย กดดันราคาน้ำมันดิบ ด้านอุปทาน ทางกลุ่มโอเปกพลัสยังมีแผยรักษาสมดุลของตลาด แต่การผลิตนอกกลุ่มโอเปก เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล และกายอานา จะช่วยลดความตึงตัว ของอุปทานในตลาดลง


สำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของโรงกลั่น บริษัทฯ คาดว่าสถานการณ์ราคาและส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ในปี 2568 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปี 2567 เนื่องจากอุปทานผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตโรงกลั่นใหม่ ในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีนและอินเดีย ด้านอุปสงค์คาดการณ์ว่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีนจะช่วยสนับสนุนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และส่งผลให้ความต้องการใช้ น้ำมันเพิ่มขึ้นบริษัทฯ คาดการณ์ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซล (10 ppm)กับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 14-17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนต่างแก๊สโซลีนกับดูไบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 11-15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ ดำเนินการยังคงบริหารจัดการรูปแบบการผลิต และสัญญาขายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงติดตาม สถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อบริหารจัดการการจัดหาน้ำมันดิบในการผลิตและส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ให้มีความ เหมาะสม โดยบริษัทฯ คาดการณ์อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นในปี2568 อยู่ที่ร้อยละ 91 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงอะโรเมติกส์บริษัทฯ คาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับแนฟทาในปี 2568 จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 240-260 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ยังคงมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศจีนจะมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะสนับสนุนให้อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์มีทิศทางดีขึ้นอย่างช้าๆ ด้านอุปทานคาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่ของ ผลิตภัณฑ์พาราไซลีนและผลิตภัณฑ์เบนซีนเพิ่มขึ้น

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงโอเลฟิ นส์บริษัทฯ คาดว่าราคาผลิตภัณฑ์เอทิลีนในปี 2568 จะอยู่ที่ 900- 930เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ราคาผลิตภัณฑ์โพรพิลีนจะอยู่ที่ 820-850 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน โดยใกล้เคียงกับปี 2567 คาดการณ์ ว่าการฟื้นตัวของอุปสงค์จะยังเป็นไปได้อย่างจำกัด จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จะคลี่คลายอย่างช้าๆ จึงอาจจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อภาพรวมตลาดเอทิลีนและโพรพิลีนได้ ในขณะที่ยังคงมีปัจจัยกดดัน จากก าลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการผลิตโพรพิลีนโดยมาจากประเทศจีนเป็นหลัก ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงโอเลฟินส์ในปี2568อยู่ที่ร้อยละ 91. -511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับ สจ.คนดังพร้อมพวก รุมทำร้าย ตร.คาหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 12 พ.ค.- ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ สจ.คนดัง พร้อมพวกรวม 7 คน หลังก่อเหตุรุมทำร้าย ‘ด.ต.’ คาหน่วยเลือกตั้ง จ.สงขลา ขณะที่ ผบ.ตร.สั่งเอาผิด พวกทำตัวเหนือกฎหมาย จากกรณีสมาชิกสภา อบจ.สงขลา บุตรชาย สส.สงขลา ก่อเหตุสั่งให้ลูกน้อง 6 คน รุมทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต สังกัด ตชด.43 ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยหน่วยเลือกตั้ง บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลาหลัง ส.อบจ.คนดังกล่าว เข้ามาใช้สิทธิที่หน่วย และให้ลูกน้องถ่ายรูป ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด.ต.นิสาธิต จึงได้เข้าไปตักเตือน สร้างความไม่พอใจ ก่อนขับรถออกจากหน่วยเลือกตั้ง จากนั้นมีกลุ่มชายชกรรจ์ 5-7 คน เข้ามาที่หน่วยเลือกตั้ง และรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต บาดเจ็บ ต่อหน้าต่อตาชาวบ้านที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง อ้างว่าลูกพี่ใหญ่ ไม่มีใครกล้าทำอะไร ล่าสุด ศาลจังหวัดสงขลาอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุทั้งหมด 7 […]

เพลิงไหม้มาราธอน โหมโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ยังคุมไม่ได้

12 พ.ค.- ยังไม่ดับ! ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ยังไม่สามารถลงไปได้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ รุดลงพื้นที่ สั่งอพยพชาวบ้านใกล้เคียง เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ยืนยันสถานการณ์จะคลี่คลายภายในวันนี้ เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ลุกโหมมาตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ ตลอดทั้งคืน ยังมีไฟปะทุออกจากชั้นใต้ดินของโครงสร้างอาคาร     ล่าสุดเช้าวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทีมวิศวกรผู้ เชี่ยวชาญด้านอาคารโรงงานอุตสาหกรรม ตำรวจ และทีมกู้ภัย เร่งเข้าตรวจสอบความเสียหายรอบพื้นที่โรงงาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เผยว่า มอบหมายให้ ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา(ดร.จอร์น) ประธานสภากรุงเทพมหานคร และนายธราพงษ์ เพ็ชรคง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดกระบัง ลงพื้นที่ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุยังจุดเกิดเหตุ ส่วนแนวทางปฏิบัติการ เตรียมใช้โฟมประกอบน้ำ ฉีดเข้าจุดที่ยังคงมีเพลิงปะทุคาดว่าจะควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้ภายในช่วงเที่ยงวันนี้   ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน แต่ยังไม่สามารถลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูง จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ หน้ากากออกซิเจน […]

กทม.ประกาศยุติค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง.

กรุงเทพฯ 12 พ.ค. – กทม. ประกาศยุติการค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง. ด้านรองผู้ว่าฯ กทม. สั่งลดระดับกองปูนซากตึกข้างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จาก 9 เมตร เหลือ 6 เมตร ป้องกันอันตรายและง่ายต่อการค้นหาหากมีชิ้นส่วนที่เหลือติดค้างอยู่ เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา (12 พ.ค. 68) ที่กองอำนวยกาารร่วม สน.บางซื่อ ห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ ถ.กำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศยุติค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม รศ.ทวิดา เปิดเผยว่า วันนี้การค้นหาผู้ติดค้างภายในซากอาคารดังกล่าวยุติทั้งหมดแล้ว และเวลา 17.00 น. วันนี้ ทีมสุนัข K9 จะเข้าสำรวจความชัดเจนบริเวณกองซากวัสดุอาคาร สตง. หลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้เเน่ใจว่าจะไม่มีชิ้นส่วนมนุษย์หลงเหลืออยู่แล้ว ส่วนด้านเครื่องจักรในพื้นที่จะยังคงทำงานอยู่ เนื่องจากจะมีการขนซากเศษปูนที่อยู่ตรงโซน A ทั้งหมด ย้ายออกไปหลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยในเวลา […]

ไทยตอนบนยังเผชิญพายุฤดูร้อน ฝนตก-ลมแรง

กทม. 12 พ.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยา เผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ มีข้อจำกัดในการระบายน้ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ เนื่องจากการระบายน้ำอาจทำได้ไม่สะดวก และไม่ควรอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อนบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง โดยมีแนวโน้มลดลงหรือคงที่ เนื่องจากยังคงมีฝนตกหลายพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย