ก.คมนาคม เปิดแผนพัฒนาคมนาคมเชื่อมหาดใหญ่ – มาเลเซีย

กรุงเทพ 17 ก.พ. -“สุริยะ” เปิดแผนพัฒนาคมนาคมเชื่อมหาดใหญ่ – มาเลเซีย ทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ เตรียมของบกลาง ปี 2568 ศึกษารถไฟทางคู่ ชุมทางหาดใหญ่ -สุไหงโก-ลก หวังกระตุ้นการลงทุนและการค้าชายแดน


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมใน จ.สงขลา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

นายสุริยะ กล่าวว่า วันนี้ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ให้มีประสิทธิภาพเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยทางถนน และลดต้นทุนระบบโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้


ทั้งนี้ จากการที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีกำหนดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ณ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่ง จ.สงขลา โดยเฉพาะหาดใหญ่เป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีการหมุนเวียนของเม็ดเงินจากการค้า การลงทุน และกระทรวงคมนาคม มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งสำคัญ ๆ หลายโครงการทั้งในพื้นที่ และการเชื่อมต่อการเดินทาง ขนส่งสินค้ากับมาเลเซีย เมื่อโครงการเหล่านี้ก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยผลักดันให้ภาคใต้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เร่งก่อสร้างโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งทางรางรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและสนับสนุนการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า สอดคล้องตามนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ต้องการลดต้นทุนการขนส่งสินค้า และสามารถประหยัดการใช้พลังงานของประเทศ สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ในพื้นที่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 30,422 ล้านบาท ช่วงสุราษฎร์ธานี – หาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท ช่วงหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเตรียมนำเสนอ ครม. อนุมัติโครงการ นอกจากนี้ รฟท. เตรียมขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง เพื่อดําเนินงานศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก ระยะทาง 216 กม. เพื่อสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย – มาเลเชีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนเปิดให้บริการในปี 2577

สำหรับโครงการทางถนนมีแผนก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย อ.หาดใหญ่ – ชายแดนไทย-มาเลเซีย (มอเตอร์เวย์ M84) เชื่อมต่อเมืองหาดใหญ่ กับด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 วงเงิน 40,787 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อขออนุมัติโครงการ โดยมีแผนก่อสร้างในปี 2570 – 2573


โครงการแก้ไขปัญหาจราจร ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ดานตะวันออก) ทล.425 ตอน บ.พรุ – ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ กม. 24+148.450 – 31+331.426 ด้านซ้ายทาง ผลงาน 23.973% และ กม.24+148.450 – 31+331.426 ด้านขวาทาง ผลงาน 0.511% และมีแผนขอรับงบประมาณในปี 2569 สำหรับด้านตะวันออก กม.0+000 – 24+151 ระยะทาง 24.15 กม. วงเงิน 9,380 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอขอพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และด้านตะวันตก กม.31+331 – กม.65+530 ระยะทาง 34.20 กม. วงเงิน 9,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมรายงาน EIA เสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) 

สำหรับโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา – อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง มีจุดเริ่มต้นโครงการที่ แยกออกจากถนนทางหลวงชนบท พท.4004 ประมาณ กม. 3+300 บริเวณบ้านแหลมจองถนน ต. จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และสิ้นสุดโครงการที่ถนน อบจ. สงขลา (ถนนรอบเกาะใหญ่) บ้านแหลมยาง ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 4,825.423 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างนำเสนอ ครม. เพื่อเห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ทะเลสาบสงขลา ก่อนที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก ทั้งนี้ มีแผนก่อสร้างปลายปี 2568 – 2571

ด้านการเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานหาดใหญ่ ที่ปัจจุบันมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2.5 ล้านคนต่อปี รองรับเที่ยวบิน 12 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) มีแผนเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานระยะสั้น (1 – 2 ปี) โดยปรับปรุงอาคารผู้โดยสารชั้น 2 และปรับปรุงถนนระบบภายใน และแผนระยะกลาง (3 – 5 ปี) ก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสารและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาความคุ้มค่าการลงทุน) สำหรับแผนระยะยาว ทอท. มีการจัดทำแผนแม่บทเพื่อให้ท่าอากาศยานหาดใหญ่สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10.5 ล้านคนต่อปี และรองรับปริมาณเที่ยวบินได้ 21 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ประกอบด้วย การก่อสร้างทางขับขนาน และขยายลานจอดอากาศยาน การขยายและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร การก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์และคลังสินค้า การปรับปรุงอาคารอเนกประสงค์ และระบบสาธารณูปโภค โดยมีวงเงินจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บท จำนวน 19.995 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ปี 2568 – 2569

นอกจากนี้ ได้ติดตามโครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่สำคัญ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี นราธิวาส) ระหว่างปี 2566 -2569 มีปริมาณวัสดุขุดลอก 18.724 ลบ.ม. วงเงินงบประมาณ 1,833.664 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายสุริยะ ได้สั่งการให้หน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการ โดยให้กรมทางหลวง กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด สำหรับโครงการที่มีความล่าช้าในการดำเนินงาน เช่น ติดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนโดยเร็ว ทางด้านกรมทางหลวงชนบท ให้กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด

สำหรับโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เมื่อ ครม. เห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิระวดีแล้ว ให้ประสานการดำเนินงานร่วมกับ สบน. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาและเริ่มก่อสร้างได้ตามแผนในปี 2568 สำหรับ รฟท. ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เร่งจัดทำข้อมูลตามข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นประกอบการประมวลเรื่องนำเสนอ ครม. ตามขั้นตอนโดยเร็ว และให้เตรียมความพร้อมสำหรับงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและการจัดทำเอกสารประกวดราคางานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันที เมื่อ ครม. มีมติอนุมัติโครงการ ด้านกรมเจ้าท่าให้ดำเนินการขุดลอกร่องน้ำสำคัญให้เป็นไปตามที่ออกแบบไว้ โดยเฉพาะร่องน้ำสงขลา (ร่องนอก) ให้มีความลึก 9 เมตร จากระดับน้ำลงต่ำสุด ตามมติ ครม. ภายในปี 2570 เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าชายฝั่ง

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ ทอท. ดำเนินการทบทวนแผนแม่บทท่าอากาศยานหาดใหญ่ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด เพื่อให้ท่าอากาศยานหาดใหญ่สามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ได้มาตรฐานสากล และเป็นศูนย์กลางการบินในท้องถิ่น

นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานดำเนินการตามมาตรการลดมลพิษทางอากาศ และรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และได้มอบนโยบายสำหรับการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานและเปิดให้บริการตามเวลาที่กำหนด สำหรับการก่อสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการให้บริการและมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่สามารถทำได้ทันทีและใช้งบประมาณไม่สูง ด้านการลงทุนและก่อสร้างโครงการที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง และการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในแผนแม่บท ซึ่งมีขั้นตอนในช่วงเตรียมการตามระเบียบหลายขั้นตอนให้สามารถเริ่มก่อสร้างได้ เพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ. -513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]