สมุทสงคราม 14 ก.พ.-ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กล่าวถึงการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่า 4 บาทว่า ตามที่ กกพ.ได้เสนอแนวทางปรับลดอัตราค่าไฟฟ้า โดยทบทวนนโยบาย Adder และ Feed in Tariff (FiT) ที่ให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนซึ่งจะช่วยปรับลดค่าไฟฟ้าลงได้อีก 17 สตางค์ต่อหน่วยจาก 4.15 บาทต่อหน่วย เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนได้ 33,150 ล้านบาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของภาคนโยบาย ว่าจะอนุมัติตามที่เสนอหรือไม่ ส่วนกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมาท้วงติงว่า การทบทวนนโยบาย Adder และ Feed in Tariff (FiT) อาจทำไม่ได้ เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง ตนเองเข้าใจว่า เป็นความเป็นห่วงของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่ตนเองเชื่อว่าสามารถทำได้ หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยภาคนโยบายต้องช่วยเจรากับเอกชน
อย่างไรก็ตามการคิดค่าไฟฟ้างวดที่ 2 (พ.ค.-ส.ค.) มีปัจจัยหลายอย่างต้องพิจรณา เช่น ค่าเชื้อเพลิง LNG ซึ่งขณะนี้ราคาปรับขึ้นมาที่ 17 เหรียญต่อล้านบีทียู ซึ่งสูงขึ้นกว่าปลายปี 2567 ที่อยู่ระหว่าง 11-13 เหรียญต่อล้านบีทียู รวมทั้งต้องต้องนำค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริงในงวดก่อนหน้า (Accumulated Factor: AF) หรือ ค่า FT สะสม มาคำนวนด้วย โดยขณะนี้ภาระหนี้ที่คงค้างของ กฟผ. และ ปตท. ยังเหลือรวมกว่า 9.5 หมิ่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น หนี้คงค้าง กฟผ. ประมาณ 8 หมื่นล่านบาท ส่วน ปตท. ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท
ซึ่งคาดว่าจะเปิดรับฟังความเห็นการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 ในวันที่ 7 มีนาคม 2568 ส่วนจะปรับลดลงได้เพียงใดขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องดูแนวทางวันเปิดรับฟังความคิดเห็น.-517.-สำนักข่าวไทย
