กรุงเทพฯ 14 ก.พ. – กรมธนารักษ์ มุ่งยกระดับทรัพย์สินทั่วประเทศ นำร่อง “พิพิธตลาดน้อย” พัฒนาท่องเที่ยวชุมชน เร่งรัดประเมินที่ดินรายแปลงทั่วประเทศ หวังสร้างรายได้ 1.06 หมื่นล้านบาท ในปี 68
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวระหว่างเยี่ยมชม “พิพิธตลาดน้อย” ว่า เตรียมประชุมจัดทำมาสเตอร์แพลน แผนบริหารจัดการทรัพย์สินของกรมธนารักษ์ทั่วประเทศในสัปดาห์หน้า เพื่อยกระดับทรัพย์สินของรัฐ จากที่ราชพัสดุ 12.5 ล้านไร่ แบ่งเป็น 1.มาสเตอร์แพลนยกระดับสินทรัพย์เชิงวัฒนธรรม เช่น ”พิพิธตลาดน้อย“ ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับกรมเจ้าท่า หวังร่วมกับชุมชนใกล้เคียง พัฒนาท่องเที่ยวชุมชน ผ่านวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาวจีน ทำให้มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทย แวะมาเยือน เพื่อนำไปพัฒนาเป็นพลังซอล์ฟเพาเวอร์ ดึงรายได้จากการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
2.มาสเตอร์แพลนยกระดับสินทรัพย์เชิงสังคม ด้วยการนำที่ราชพัสดุ จัดสรรสร้างเป็นที่อยู่อาศัย รองรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รายได้ปานกลางในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตามนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาบ้านอยู่อาศัยให้กับประชาชน 3.มาสเตอร์แพลนยกระดับสินทรัพย์เชิงเศรษฐกิจ เพื่อสร้างผลต่อแทนต่อทรัพย์สินให้สูงขึ้น ด้วยการเดินหน้าประเมินราคาที่ดินรายแปลงทั่วประเทศ ขณะนี้การประเมินที่ดินรายแปลงทำได้ร้อยละ 50 ของที่ดินทั้งหมดทั่วประเทศ เพื่อให้ราคาประเมินของกรมธนารักษ์สะท้อนกับราคาตลาดในปัจจุบันมากขึ้น เมื่อมีการโอนทรัพย์สิน ทำให้มียอดเงินกู้เพื่อค้ำประกันกับธนาคารได้เพิ่มขึ้น และภาครัฐมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม โดยเฉพาะการประเมินที่ดินตามเส้นทางถนนตัดใหม่ ผ่านหลายพื้นที่ทำให้มีราคาที่ดินเพิ่มขึ้น โดยจะใช้ระบบดิจิทัล เช่นดาวเทียมพิสูจน์พื้นที่ได้ละเอียดมากขึ้น รวมไปถึงการทบทวนสัญญากับภาคเอกชน หรือหน่วยงานต่างๆ เพื่อใกล้ครบสัญญาสัมปทาน ต้องนำมาศึกษาดูว่า จะต้องปรับค่าเช่าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไร
สำหรับที่ดินในเชิงอนุรักษ์ เช่น บึงบอระเพ็ด ในจังหวัดนครสวรรค์ นับว่ามีศักยภาพในการนำมาสร้างโซล่าฟาร์ม เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากพลังงานสะอาด ส่วนเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก นับว่ามีความสำคัญ เป็นของสะสมของผู้นิยมชมชอบเหรียญจากหลายประเทศ นับว่าช่วยสร้างรายได้เพิ่มอีกจำนวนมาก.-515- สำนักข่าวไทย