DBS ประเมินนโยบาย “ทรัมป์” จุดชนวน “เกมเปลี่ยน” ครั้งใหญ่

กรุงเทพฯ 13 ก.พ. – DBS ประเมินนโยบาย “ทรัมป์” จุดชนวนสงครามการค้าครั้งใหญ่ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แนะปรับพอร์ตลงทุนแบบ “บาร์เบล” เน้นลงทุนเสี่ยงสูงเกาะกระแสนโยบายเศรษฐกิจ “ทรัมป์” และลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัยสูง เน้นพันธบัตร-ทองคำ พร้อมปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นสหรัฐ ลดน้ำหนักหุ้นยุโรป ชี้ DBS ในประเทศไทย ตั้งเป้า AUM โต 1 แสนล้านบาทภายในปี 69


บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เชิญ CIO (Chief Investment Office, DBS Bank) ให้ข้อมูลในงาน DBS 1H25 CIO Market Outlook –“GAME CHANGERS” โดยนายเอ็ดวิน ตัน Market Head DBS, Thailand & Philippines, DBS Bank กล่าวว่า เริ่มต้นปี 2568 มีการคาดการณ์ถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับปานกลางแต่มีเสถียรภาพในหลายภูมิภาคทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเผชิญกับปัจจัยพลิกเกมที่อาจกำหนดทิศทางในช่วงเดือนข้างหน้า ด้านหนึ่ง การกลับมาดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งสัญญาณถึงสงครามการค้าระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยมาตรการทางภาษี และยิ่งซ้ำเติมความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ดำเนินอยู่ ขณะที่แนวโน้มการลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมสำคัญต่าง ๆ ประกอบกับวัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงดำเนินต่อไป อาจเป็นปัจจัยเสริมให้ตลาดและเศรษฐกิจเติบโตได้ ด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่า “เกมเปลี่ยน (Game Changers)” เป็นธีมที่เหมาะสมสำหรับแนวโน้มตลาดครั้งแรกของปีนี้


คำแนะนำสำคัญจากทีม CIO ให้ไว้เมื่อปีที่ผ่านมา เริ่มจากการแนะนำให้ลูกค้าลงทุนใน I.D.E.A. companies – Innovators, Disruptors, Enablers, Adapters แม้ว่าหลายฝ่ายจะกังวลว่าการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจซ้ำรอยฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ คำแนะนำให้ Overweight ในตราสารหนี้ที่มีเครดิตดียังคงให้ผลตอบแทนที่ดี แม้ว่าสัญญาณของเฟดจะมีการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นจากการกลับมาของทรัมป์ ตั้งแต่ต้นปี เราแนะนำให้ลูกค้าใช้กลยุทธ์ Liquid+ โดยให้ความสำคัญกับตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนระยะสั้นที่มีคุณภาพสูงเป็นทางเลือกแทนเงินสด
 
นอกจากนี้ แนวโน้มตลาดทองคำที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปียังเป็นไปตามคาด โดยทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมาแม้ว่าความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยยังคงมีอยู่ แต่กลยุทธ์ Barbell อยู่ในกลุ่ม Top 5% ของกองทุนแบบ Balanced Funds ทั่วโลกกว่า 200 กองทุน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 5 ปีก่อน และให้ผลตอบแทนสุทธิ 12% ในปี 2567
 
สำหรับธุรกิจไพรเวทแบงก์ของ DBS ในประเทศไทย วางเป้าหมายการเติบโต AUM ที่ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2569 โดย ณ เดือนธันวาคม 2567 AUM ได้เติบโตเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 35% นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวน Relationship Managers (RM) เป็นสองเท่า ซึ่งปัจจุบัน ได้เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 20%
 และอุตสาหกรรมบริหารความมั่งคั่งของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการด้านการวางแผนความมั่งคั่ง (Wealth Planning), การกระจายการลงทุน (Investment Diversification) และการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ (International Banking) เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันการแข่งขันในตลาดไพรเวทแบงก์ก็ทวีความเข้มข้นขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อลูกค้า DBS มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ลงทุนรายใหญ่ (HNW) และรายใหญ่พิเศษ (UHNW) ผ่านบริการ “One-Stop” ด้วยข้อเสนอบริการแบบครบวงจรทั้งในประเทศ และต่างประเทศเป็นรายแรกในตลาด ซึ่งได้มอบประสบการณ์การทำธุรกรรมที่ไร้รอยต่อระหว่างบัญชีในประเทศและต่างประเทศผ่านจุดให้บริการเดียว และยังสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าผ่านโมเดล “One Bank” ที่เป็นเอกสิทธิ์ของดีบีเอส ปัจจุบันมีการระดมทุนสองดีลที่กำลังดำเนินการอยู่ และอีกสองดีลอยู่ระหว่างรอดำเนินการ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และโอกาสที่น่าสนใจที่มีต่อลูกค้า
 
นายเวย์ ฟุก โหว Chief Investment Office, DBS Bank กล่าวว่าในปี 2568 สภาพภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจโลกยังคงมีความซับซ้อน และละเอียดอ่อนอย่างที่เป็นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้ารับตำแหน่งในวาระที่สองของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุน และสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และด้วยชัยชนะของพรรครีพับลิกันทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การบริหารงานของทรัมป์จะมีอำนาจเต็มที่ในการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ และความมั่นคงทางชายแดน ซึ่งจากนโยบายต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้แนวโน้มที่คาดว่าจะเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจไม่เกิดขึ้น ในทางกลับกัน เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ทรัมป์มุ่งมั่นทำตามคำมั่นสัญญาด้านนโยบาย เช่น การลดภาษีและการใช้จ่ายภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายทรัมป์ 2.0 โดยเฉพาะความยั่งยืนทางการคลัง และการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ที่กระตุ้นให้เกิดสงครามทางการค้า ท่ามกลางความย้อนแย้งของนโยบายการคลังที่ขยายตัว และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น



 
DBS เชื่อว่าการใช้กลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตแบบ “บาร์เบล” (Barbell Strategy) จะเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการสร้างพอร์ตการลงทุน ซึ่งจะช่วยกระจายการลงทุนในสองส่วนได้แก่ (1) การลงทุนในภาคส่วนที่มีความผันผวนสูง (High Beta Sectors) เพื่อเกาะกระแสนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ และ (2) การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง (Defensive Assets) เพื่อลดความเสี่ยง และปกป้องพอร์ตจากผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์
 
นายเวย์ ฟุก โหว กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนโยบายการขยายตัวภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ ทาง DBS แนะนำให้ปรับสถานะการลงทุนในหุ้นทั่วโลกจาก “Underweight” เป็น “Neutral” อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้คงน้ำหนักในหุ้นสหรัฐฯในระดับ “Overweight” เนื่องจากนโยบายการลดภาษีจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรของบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ทั้งนี้ DBS ยังคงมีความเชื่อมั่นบริษัทเหล่านี้ เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และมีค่าเบต้าสูงถึง 1.4 เท่าของตลาดหุ้นโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีจากนโยบายการลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบ
 
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากสงครามการค้า ทาง DBS จึงให้น้ำหนักลงทุน “Overweight” ในตราสารหนี้ (Fixed Income) เนื่องจากช่วยป้องกันความเสี่ยงขาลง หากความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้นโดยผลตอบแทนจากพันธบัตรในปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจโดยเฉพาะเมื่อพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี มีอัตราผลตอบแทนที่กลับมาระดับ 4.4% ต่อปี
 
ส่วนของการลงทุนหุ้นยุโรปทาง DBS ให้น้ำหนักการลงทุนในระดับ “Underweight” เนื่องจากคาดว่าหุ้นยุโรปจะให้ผลตอบแทนที่ด้อยกว่าหุ้นสหรัฐฯ จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกจีนต้องเปลี่ยนเส้นทางการค้าของตนไปยังตลาดที่ไม่ใช่สหรัฐฯยังผลให้การแข่งขันในตลาดการค้านอกสหรัฐฯจะรุนแรงขึ้น
 
ทั้งนี้ DBS คาดว่ามูลค่าของสินทรัพย์เสี่ยงในปี 2568 จะได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยต่อไปนี้
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เข้าสู่การเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้า ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถรักษาอัตรากำไรได้ดี ความมั่งคั่งสุทธิของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และหนี้สินของครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 71% ของ GDP สหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศให้แข็งแกร่ง
 
ความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยขับเคลื่อนการเพิ่มผลิตภาพการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ
 
สำหรับจุดเด่นของการลงทุนสำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 ได้แก่การลงทุนในสินทรัพย์ผสม พันธบัตรยังคงน่าสนใจ ทั้งนี้ เนื่องจากนโยบายมหภาค การลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องของ Fed และ ECB คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไป ในขณะที่ BOJ ยังคงดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้อย่างต่อเนื่อง
 
แนวโน้มเศรษฐกิจ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่น ขณะที่การเติบโตในยุโรปยังคงอ่อนแอจากการส่งออกที่ชะลอตัว และคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีนเพื่อยกระดับการบริโภคในประเทศ 
 
หุ้นสหรัฐฯ ยังโดดเด่น มากกว่าหุ้นยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากอัตรากำไรของบริษัทที่สูง การเติบโตภายในประเทศที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น มีการลงทุนในโครงสร้างของ AI อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงแรงสนับสนุนจากนโยบายแบบขยายตัวภายใต้การดำเนินงานของทรัมป์ ขณะที่ภูมิภาคอาเซียนยังจะคงได้รับผลประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย และนโยบาย China+1
 
เครดิต คาดว่าการผ่อนคลายนโยบายทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นต่อไป โดยมุ่งเน้นที่การลงทุนในพันธบัตร A/BBB ที่มีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีที่สุด จากภาวะที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่แคบลง (Tighten credit spread) จึงแนะนำให้ “Overweight” ในตลาดตราสารหนี้อายุ 2-3 ปี และ 7-10 ปี เพื่อควบคุมความเสี่ยงในการลงทุนในอนาคต และยังคงได้รับผลประโยชน์จากลดลงของส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชน
 
อัตราดอกเบี้ย คาดว่า Fed จะมีการลดอัตราดอกเบี้ย แต่แนวโน้มจะไม่มากนัก ภายใต้การดำเนินงานของทรัมป์
 
สกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งจากแนวโน้มของดอกเบี้ยที่ต่ำลง ขณะที่ยูโรและหยวนจะความมีอ่อนไหวเพิ่มขึ้นจากการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า
 
สินทรัพย์ทางเลือก ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อทองคำจากการขาดดุลทางการคลังของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ควรเน้นกลยุทธ์พอร์ตการลงทุนที่ผสมผสานสินทรัพย์ทั้งในตลาดและนอกตลาด โดยใช้กองทุนกึ่งสภาพคล่องในสินทรัพย์นอกตลาด (Semi-liquid Asset) เพื่อการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ
 
สินค้าโภคภัณฑ์ ยังมีความผันผวนต่อไปในระยะสั้น จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความต้องการสำหรับโลหะอุตสาหกรรม และสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร ขณะที่วาระความมั่นคงด้านพลังงานของสหรัฐฯ อาจกดดันราคาน้ำมัน คาดว่าราคาของกาแฟและโกโก้ยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เนื่องจากความต้องการทั่วโลกที่ยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีอุปสรรคด้านอุปทาน
 
Thematic focus การลงทุนในธุรกิจกีฬามีการเติบโตอย่างรวดเร็วในการถ่ายทอดสดกีฬาประเภทต่างๆกระจายไปถึงความตื่นตัวที่เพิ่มขึ้นสำหรับกีฬาผู้หญิงและเยาวชน รวมถึงการแข่งขันอีสปอร์ต ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้ ได้แก่: (i) ธุรกิจการวิเคราะห์ทางด้านกีฬา, (ii) ธุรกิจการสตรีมมิ่ง, (iii) ธุรกิจการขายตั๋ว, และ (iv) ธุรกิจเกมกีฬา.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

“ปราสาทตาเมือนธม” วุ่น ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย

กทม. 15 ก.ค.-ทบ.อยู่ระหว่างตรวจสอบปมความวุ่นวาย “ปราสาทตาเมือนธม” หลังมีข่าวทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย ด้าน มทภ.2 ยันสถานการณ์ปกติ อย่าตื่นตระหนก 15 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล หลังเกิดเหตุความไม่เรียบร้อยที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จากกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารไทยว่าล้ำเส้นเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา และมีการทะเลาะกันเสียงดัง ทำให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่อยู่ในจุดนั้นต้องเข้ามาห้าม แต่เหตุการณ์ลุกลาม ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย วิ่งเข้ามาในบริเวณฝั่งไทย ตรงบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ทางด้านทหารไทยก็ได้เข้าไปอยู่ในจุดดังกล่าวด้วย โดยสถานการณ์มีการผลักอกกัน ตะโกนโวยวาย ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แจงว่า ปราสาทตาเมือนธม เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ.-313.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! สีกากอล์ฟ เตรียมนำตัวเข้า บก.ปปป. ขยายผล

นนทบุรี 15 ก.ค. – จับแล้ว! สีกากอล์ฟ เตรียมนำตัวเข้า บก.ปปป. ขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง พร้อมตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำกำลังเข้าจับกุม สีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ม.147, ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน, รับของโจร ภายในบ้านพักหมู่บ้านหรู ย่านนนทบุรี หลังพบเส้นทางการเงินของอดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โอนเงินเข้าบัญชีสีกากอล์ฟ 3.8 แสนบาท ซึ่งบัญชีโอนเข้าเป็นเงินบัญชีของวัดชูจิตธรรมาราม ขณะนี้ควบคุมตัวสีกากอล์ฟ เข้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ทำการสอบปากคำด้วยตัวเอง ทั้งนี้ มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน บก.ปปป. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมขยายผลไปยังผู้ที่มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ โดยจะมีการตรวจสอบคลิปทุกคลิป […]