“นฤมล” มั่นใจสินค้าเกษตรจากไทย ยังขยายตลาดในจีนได้อีกมาก

สินค้าเกษตรไทยศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย นายถาวร ทันใจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายรพีภัทร์ จันท

กรุงเทพฯ 10 ก.พ. – รมว. เกษตรฯ เผยผลการเยือนจีน เจรจาทั้งภาครัฐและเอกชน มั่นใจตลาดจีนต้องการสินค้าคุณภาพจากไทย ลุยขยายโอกาสส่งออก เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร


ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมคณะกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีโอกาสหารือทั้งกับภาครัฐและเอกชนของจีน พบว่ายังมีโอกาสส่งออกสินค้าเกษตรคุณภาพจากไทยไปยังตลาดจีนอีกมาก โดยนายกรัฐมนตรีมีนโยบายตลาดเชิงรุก เพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประเทศจีนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย โดยสินค้าเกษตรไทยส่งออกจีนมากเป็นอันดับ 1 และมีแนวโน้มส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสินค้าจีนก็ส่งออกมายังไทยมากเช่นกัน

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เพื่อให้ไทยสามารถขนส่งสินค้าเกษตรไปจีนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ต่อมาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ไทยและจีนร่วมลงนามพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบกักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของกรมประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) โดยไทยสามารถเจรจาเปิดตลาดส่งออกปลากะพงขาวไปยังจีนได้สำเร็จและหวังว่า จะมีการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำคุณภาพของไทยไปยังจีนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ GACC ยังอยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องการเปิดตลาดให้ไทยส่งออกโคมีชีวิตและผลิตภัณฑ์ไปยังจีนได้ซึ่งกรมปศุสัตว์เดินหน้าเจรจายกระดับเปิดตลาดมาอย่างต่อเนื่องและจะมีความร่วมมือในระยะอันใกล้นี้


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยังพบกับนายหม่า เจิงจวิน ประธานสมาคมตลาดค้าส่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Agriculture Wholesale Market Association : CAWA) เพื่อแสวงหาโอกาสในการค้าสินค้าเกษตรของไทย โดยบริษัท CAWA นำเข้าสินค้าเกษตรต่างๆ จากไทย เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย โดยมีการนำเข้าทุเรียนมากที่สุด รวมมูลค่า 83 ล้านหยวน ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในตลาดจีน โดยมีปริมาณการนำเข้าทุเรียนสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงกุ้งขาวแวนนาไมจากไทย 177.3 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10.61 ล้านหยวน โดยตั้งแต่จีนระงับการนำเข้าสินค้าประมงจากญี่ปุ่น CAWA เห็นว่า ไทยจะมีโอกาสในการส่งออกสินค้าประมงเพิ่มมากขึ้น บริษัท CAWA ขอให้ภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนการส่งรังนกที่มีคุณภาพดีของไทยมายังจีน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคชาวจีน

ปัจจุบัน บริษัท CAWA ได้นำเทคโนโลยี เช่น รหัสติดตาม (traceability code) เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในจีนซึ่งสามารถสแกนรหัสและรู้ได้ทันทีว่า สินค้านี้มาจากประเทศไหน การสร้างระบบแหล่งที่มาของสินค้าให้เป็นมาตรฐาน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ในอนาคต และเพื่อให้สามารถสร้างความได้เปรียบด้านแบรนด์ที่สำคัญในรสชาติและความประทับใจของผู้บริโภคชาวจีน

“ตลาดจีนยังมีความต้องการสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพจากไทยซึ่งจะเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดไปยังจีนได้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเร่งส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพที่ตรงกับความต้องการของตลาด รวมทั้งการเจรจาเปิดตลาดและขยายตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย” ศ.ดร. นฤมลกล่าว. – 512 สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก