SCB FM มองเงินบาทอาจอ่อนต่อได้จากมาตรการภาษี-เฟดที่ลดดอกเบี้ยช้า

กรุงเทพฯ 7 ก.พ.- กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) ชี้ “ทรัมป์” ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ทำให้ตลาดการเงินผันผวนแรง มองเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อจากมาตรการภาษี และเฟดที่ลดดอกเบี้ยช้า แนะเป็นโอกาสที่ลูกค้าส่งออก/นำเข้า อาจพิจารณาทำ FX option เพื่อได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น
 
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่าเงินบาทเดือนที่ผ่านมาผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของมาตรการ Tariffs โดยพบว่าคำขู่และการประกาศขึ้นภาษีของทรัมป์ทำให้เงินบาทเปลี่ยนแปลงถึง 30-40 สตางค์ในช่วงข้ามคืน ในระยะต่อไป SCB FM มองว่าดัชนีเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าต่อได้ จากเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะยังแข็งแกร่ง อีกทั้ง มองว่ามาตรการ Tariffs จะยังอยู่ต่อ เพราะทรัมป์น่าจะใช้เป็นเครื่องมือต่อรองการค้า/ธุรกิจกับต่างประเทศ ทำให้มีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าขึ้นมากกว่ากลับมาแข็งค่า จึงทำให้บาทอาจยังอ่อนค่าในกรอบ 33.85-34.35ได้ ทั้งนี้ ความผันผวน (Implied volatility) ในตลาดเงินที่สูงขึ้นในช่วงนี้ เป็นโอกาสที่ลูกค้าส่งออก/นำเข้า อาจพิจารณาทำ FX option เพื่อจะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น


นายแพททริก ปูเลีย รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน และ Head of Private Banking Relationship Management ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือนที่ผ่านมาเงินบาทผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า (Tariffs) โดยพบว่าคำขู่และการประกาศขึ้นภาษีของทรัมป์ทำให้เงินบาทเปลี่ยนแปลงถึง 30-40 สตางค์ในช่วงข้ามคืน โดยในช่วงแรกที่ ทรัมป์ มีท่าทีผ่อนปรนต่อนโยบาย Tariffs ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเร็ว พร้อมเงินสกุลภูมิภาค รวมถึงเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นตามเงินหยวน อย่างไรก็ดี หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน ทำให้ตลาดกลับมากังวลผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าเร็ว เงินบาทอ่อนค่า ด้าน US Treasury yields ปรับสูงขึ้นจากแนวโน้มเงินเฟ้อ

ราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นและแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายก็ส่งผลต่อเงินบาทเช่นกัน โดยความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเหมือนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งในเวลาที่ราคาทองคำสูงขึ้น จะหนุนให้บาทแข็งค่ากว่าสกุลอื่นในบางช่วง ด้านเงินทุนเคลื่อนย้ายสู่ตลาดการเงินไทย พบว่าในช่วงที่ทรัมป์มีท่าทีผ่อนปรนต่อนโยบาย Tariffs มีเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าตลาดบอนด์ไทยติดต่อกันเกือบสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ข่าวการมาของ DeepSeek ทำให้ตลาดการเงินโลกเกิดภาวะ Risk-off และเงินทุนไหลออกจากตลาดการเงินไทย โดยนักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และทองคำ ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลง รวมถึงสกุลเงินภูมิภาคและเงินบาทอ่อนค่า หากสงครามการค้าไม่ทวีความรุนแรงตามที่คาดไว้ เงินทุนเคลื่อนย้ายก็มีแนวโน้มไหลออกน้อยลงในปีนี้


สำหรับในระยะต่อไป มองว่าเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อได้ เนื่องจากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่าต่อจากเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะยังแข็งแกร่ง ทำให้ Fed จะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย โดยการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed อาจต้องรอถึงช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งความเสี่ยงจากมาตรการ Tariffs น่าจะยังอยู่ ทำให้เงินบาทอาจยังอ่อนค่าในกรอบ 33.85-34.35 ได้

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินบาทที่ราว 34.00-34.50 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ เป็นระดับที่ผู้ส่งออกอาจพิจารณาขายได้ เนื่องจาก ในเวลาที่มีข่าวด้านลบ (เช่น ประกาศขึ้นภาษี) ตลาดมักมี Reaction ที่แรงกว่าในเวลาที่มีข่าวดี (เช่น เลื่อนวันขึ้นภาษีออกไป) จึงทำให้มีโอกาสที่บาทจะอ่อนค่าต่อได้ อีกทั้ง มองว่า Fed จะยังไม่รีบส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในไตรมาสแรกนี้ เพราะเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อจะลดลงช้า

สำหรับผู้นำเข้ามองว่าเงินบาทที่ราว 33.10-33.60 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ เป็นระดับที่อาจพิจารณาซื้อได้ เนื่องจาก ที่ระดับนี้ตลาดได้ Price-out tariff premium ออกไปมากแล้ว สะท้อนจากช่วงที่ทรัมป์ให้ข่าวว่าอยากหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน เงินบาทแข็งค่าที่ราว 33.60-33.70 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ


ทั้งนี้ นายวชิรวัฒน์ มองว่าความเสี่ยงจาก Tariffs จะยังอยู่ เพราะทรัมป์จะใช้เป็นเครื่องมือต่อรองการค้า/ธุรกิจกับต่างประเทศ ทำให้มีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าขึ้นมากกว่า

ความผันผวน (Implied volatility) ในตลาดเงินที่สูงขึ้นในช่วงนี้ เป็นโอกาสที่ลูกค้าส่งออก/นำเข้า อาจพิจารณาทำ FX option เพื่อจะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดี

พร้อมประเมิน กนง. อาจลดอัตราดอกเบี้ยนโนบายอีก 1 ครั้ง ในการประชุมเดือนมิถุนายน ตามสถานการณ์สินเชื่อที่ปรับแย่ลงต่อเนื่อง รวมทั้งความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มากขึ้นจากต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดมองว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนเช่นกัน โดยตลาดให้โอกาสเพียงราว 50% ที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยในเดือนเมษายน นอกจากนี้ ตลาดให้โอกาสราว 80% ที่จะมีการลดครั้งที่ 2 ในปีนี้

ด้านตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทย พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว (Yield อายุ 10 ปี) ลดลงเร็วในสัปดาห์ก่อน เป็นผลจาก Demand ใน auction ที่สูง ในระยะต่อไปมองว่าYield อาจลดลงอีกเล็กน้อยตาม US treasury yields สำหรับพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นถึงกลาง Asset Swap spread ยังค่อนข้างสูง เนื่องจากมีอุปสงค์เข้ามา receive THOR อยู่มากเช่นกัน จึงมองว่าลูกค้าอาจซื้อบอนด์เมื่อ Yields ปรับขึ้นเล็กน้อย (3Y yield ที่ 2.05%-2.10% หรือ 5Y yield ที่ 2.10%-2.15%) หรือ pay THOR ที่ maturity เดียวกันเพื่อ hedge และรับผลตอบแทนเป็น THOR + 15-20 bp.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำไทยเลือกสันติวิธี แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- นายกฯ ลั่น “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ย้ำไทยเลือกสันติวิธี ปมชายแดนไทย-กัมพูชา แต่หากปะทะเราพร้อม ยอมรับเป็นเพื่อนที่ดี แต่จะขอบ้านเราไม่ได้ หลังถูกจี้ถาม “ตระกูลชิน” เกี่ยวดอง “ฮุน เซน” แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ บอกปรึกษาทหารแล้ว งง สื่อฯ ทำไมวันนี้ ดุจัง ปลอบ ไม่เป็นไรนะ ไม่ได้ลงพื้นที่ดูหน้างาน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์ชายแดน ว่า ได้เน้นย้ำสถานการณ์ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี ต้องรวมกันเป็นหนึ่ง สิ่งสำคัญมาก ๆ คนไทยต้องรักกันสามัคคีกัน ไม่ใช่การเมืองในประเทศที่จะต้องมีการแบ่งฝ่ายกัน ทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกันรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ต้องสื่อสารเรื่องนี้ว่าถึงเวลาที่เรามีปัญหาระหว่างประเทศเราต้องสามัคคีกัน ต้องใช้ความเป็นหนึ่ง รักกันของคนในชาติ รัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ฝ่ายค้าน รัฐบาลก็คือประเทศไทย และการแสดงความเห็นและการปล่อยข่าวปลอมเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ถ้าถามว่ารัฐบาลเคลื่อนไหวอย่างไรนั้น รัฐบาลทำเต็มที่และรักษาอธิปไตยของเราเป็นสิ่งที่จำเป็น รัฐบาลและทหาร คุยกันตลอดว่า จะไปทางไหนอย่างไรเราต้องมั่นใจว่าเราเป็นประเทศไทยเพลงชาติไทย เขาเรียกว่า […]

‘อี แจ-มยอง’ คว้าชัยเลือกตั้ง ปธน.เกาหลีใต้

โซล 4 มิ.ย. – อี แจ-มยอง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ พร้อมประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุน ขณะที่ คิม มุน-ซู คู่แข่งจากพรรคพลังประชาชน ออกมายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว นายอี ได้ชัยชนะการเลือกตั้งหลังจากการนับคะแนนผ่านไปร้อยละ 94.4 และเมื่อช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน นายอี ได้คะแนนเสียงไปแล้วร้อยละ 48.8 และนายคิม คู่แข่งคนสำคัญจากพรรคพลังประชาชน แนวอนุรักษ์นิยม ได้ร้อยละ 42 แม้ว่าคะแนนที่ยังไม่ได้นับ จะตกเป็นของนายคิมแต่ก็ยังตามนายอีไม่ทัน ซึ่งทำให้นายอี ยืนยันชัยชนะของเขาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเบื้องต้นอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2540 ในจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 44.4 ล้านคน มีผู้มาใช้สิทธิราว 35.24 ล้านคนตามหน่วยเลือกตั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.1 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนในปี 2565 นายอีกล่าวว่า เขาจะไม่มีวันลืมหน้าที่ของประธานาธิบดีในการสร้างความเป็นเอกภาพของผู้คนในประเทศ และว่าเขาจะหาวิธีให้ประเทศอยู่ร่วมกับเกาหลีเหนือได้โดยผ่านการเจรจาและพูดคุยกัน ด้าน นายคิม […]

รัฐบาลออกแถลงการณ์ปมไทย-กัมพูชา ยันปกป้องอธิปไตยเต็มที่

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- รัฐบาล ออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยัน ตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ยึดหลักแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และสวัสดิภาพของประชาชน ย้ำ ชายแดน มีความสงบเรียบร้อย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมทุกภาคส่วนของ รัฐบาลภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เช้าวันนี้ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 07.00 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าวดังต่อไปนี้ แถลงการณ์รัฐบาล “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” รัฐบาลขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม โดยจุดเริ่มต้นของสถานการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ในขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทยซึ่งเป็นแนวที่ถือปฏิบัติเสมอมา แต่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีสถานการณ์จากการปะทะดังกล่าวทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ภายหลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับรวมถึงนายกรัฐมนตรี […]

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย