มูลนิธิไทยรักษ์ป่า เปิดตัวหนังสือภาพถ่าย “ลมหายใจในป่าเมฆ ดอยอินทนนท์”

กรุงเทพฯ 5 ก.พ.- EGCO Group โดย มูลนิธิไทยรักษ์ป่า เปิดตัวหนังสือภาพถ่าย “ลมหายใจในป่าเมฆ ดอยอินทนนท์” ใช้เวลากว่า 2 ปี ร่วมกับช่างภาพสายธรรมชาติชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ถ่ายทอดคุณค่าป่าต้นน้ำและบ้านของสัตว์ป่าในดอยอินทนนท์


บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group โดย มูลนิธิไทยรักษ์ป่า เปิดตัวหนังสือภาพถ่าย “ลมหายใจในป่าเมฆ ดอยอินทนนท์” ถ่ายทอดคุณค่าและความสวยงามของป่าต้นน้ำดอยอินทนนท์ ในฐานะบ้านของสัตว์ป่าและพืชพรรณ ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งเป็นสื่อกลางสะท้อนแนวคิดการดำเนินงาน “คนอยู่ได้ ป่าอยู่ได้ และสัตว์ป่าอยู่ได้” โดยร่วมกับช่างภาพสายธรรมชาติชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ได้แก่ ณรงค์ สุวรรณรงค์ และธเนศ งามสม เป็นเวลากว่า 2 ปี ในการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติและระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตในป่าเมฆ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้างถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำ ตลอดจนความเชื่อมโยงของสิ่งมีชีวิตและความหลากหลายทางชีวภาพในป่าเมฆ ซึ่งจะนำไปสู่การปลูกจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยรายได้จากการจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายทั้งหมดจะนำไปสนับสนุนภารกิจของมูลนิธิไทยรักษ์ป่าเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำต่อไป

ดร.จิราพร ศิริคำ ประธานกรรมการมูลนิธิไทยรักษ์ป่า และกรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า ด้วยความเชื่อที่ว่า “ต้นทางดี จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ปลายทางที่ดี” EGCO Group มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนมากว่า 33 ปี ในด้านสิ่งแวดล้อม EGCO Group ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำในพื้นที่สำคัญของประเทศไทย โดยดอยอินทนนท์เป็นพื้นที่การดำเนินงานสิ่งแวดล้อมที่แรกของ EGCO Group ด้วยเล็งเห็นว่า เป็นป่าต้นน้ำสำคัญที่อยู่สูงที่สุดของประเทศไทย เป็นต้นกำเนิดของชีวิตและพลังงาน อีกทั้งเป็น “ป่าเมฆ” บ้านของสัตว์ป่าและพืชพรรณ ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพ


EGCO Group ริเริ่มดำเนินโครงการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ณ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2540 ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่เน้น “การปลูกจิตสำนึกในใจคน” เช่น โครงการค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่า เพราะเชื่อว่าเป็นหนทางที่จะทำให้ธรรมชาติดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนที่สุด จนกระทั่งก่อตั้งมูลนิธิไทยรักษ์ป่าขึ้นในปี 2545 ด้วยมุ่งหวังให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่มีเจตนารมณ์ในการสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและผืนป่าต้นน้ำลำธารของประเทศให้เกิดความยั่งยืน

“กว่า 22 ปีที่มูลนิธิไทยรักษ์ป่ามุ่งมั่นส่งเสริมการเรียนรู้ สร้างความเข้าใจ ปลูกจิตสำนึกการมีส่วนร่วมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในใจของเยาวชนและผู้คน เพื่อให้เกิดแนวร่วมในการดูแลรักษาป่าต้นน้ำ ผ่านโครงการต่าง ๆ ได้แก่ ค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่า การพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และการดำเนินงานในฐานะโซ่ข้อกลาง เพื่อให้ “คนอยู่ได้ ป่าอยู่ได้ และสัตว์ป่าอยู่ได้” ทั้งนี้ การริเริ่มและจัดทำหนังสือภาพถ่าย “ลมหายใจในป่าเมฆ ดอยอินทนนท์” เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เราต้องการสื่อสารและถ่ายทอดให้ผู้คนได้สัมผัสและตระหนักถึงคุณค่า ความสวยงามของดอยอินทนนท์ ที่เป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว แต่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นระบบนิเวศป่าต้นน้ำและป่าเมฆที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นบ้านของสัตว์ป่า พืชพรรณ และความหลากหลายทางชีวภาพ EGCO Group โดย มูลนิธิไทยรักษ์ป่า ยังมุ่งหวังว่า ความตระหนักรู้ที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นพลังที่เชื่อมโยงป่าต้นน้ำและผู้คนในเมืองที่อยู่ปลายน้ำเข้าด้วยกัน รวมถึงทำให้สังคมได้เปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับดอยอินทนนท์ ซึ่งจะนำไปสู่จิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติและป่าต้นน้ำ ตลอดจนความร่วมมือในการอนุรักษ์ดูแล หรือท่องเที่ยวอินทนนท์อย่างยั่งยืนในที่สุด” ดร.จิราพร กล่าว

นายณรงค์ สุวรรณรงค์ หนึ่งในช่างภาพของหนังสือภาพถ่าย “ลมหายใจในป่าเมฆ ดอยอินทนนท์” เปิดเผยว่า หนังสือภาพถ่ายเล่มนี้เล่าเรื่องราวผ่านการติดตามชีวิตและการเติบโตของกวางผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่โดดเด่นของดอยอินทนนท์ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวของสัตว์และพืชพรรณอื่น ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกันในป่าเมฆ เช่น นกกินปลีหางยาวเขียว อ่างกาเอนซิส ชะนีมือขาว ปาดดอยอินทนนท์ เป็นต้น เพื่อสื่อสารว่า ถ้าทุกคนท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ด้วยความเคารพต่อธรรมชาติแล้ว ก็จะสามารถรักษาและสัมผัสกับความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ได้รอบตัว


นายธเนศ งามสม หนึ่งในช่างภาพของหนังสือภาพถ่าย “ลมหายใจในป่าเมฆ ดอยอินทนนท์” กล่าวว่าจากการทำงานในดอยอินทนนท์เป็นเวลา 2 ปี ทำให้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของป่าเมฆ ผมหวังว่าหนังสือภาพถ่ายเล่มนี้จะทำให้คนมาเยือนดอยอินทนนท์ด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป คือ ไม่ได้มาท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่มาเพื่อรักษา เรียนรู้ และซึมซับคุณค่าในห้องเรียนธรรมชาติด้วย

ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อหนังสือภาพถ่าย “ลมหายใจในป่าเมฆ ดอยอินทนนท์” ราคาเล่มละ 2,500 บาท ได้ที่ Facebook Page มูลนิธิไทยรักษ์ป่า www.facebook.com/thairakpaofficial โดยรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายจะนำไปสนับสนุนภารกิจของมูลนิธิไทยรักษ์ป่าเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำต่อไป บัญชีมูลนิธิไทยรักษ์ป่า เลขที่บัญชี ธนาคารกรุงเทพ 229-0-599778-6 (ใบเสร็จสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า)

นอกจากนี้ เพื่อสื่อสารสร้างความตระหนักรู้ต่อคุณค่าและความสำคัญของป่าเมฆ ดอยอินทนนท์ และให้หนังสือภาพถ่ายเป็นที่รู้จักมากขึ้น มูลนิธิฯ ยังได้จัดนิทรรศการภาพถ่าย “ลมหายใจในป่าเมฆ ดอยอินทนนท์” นำภาพถ่ายไฮไลท์จากหนังสือภาพถ่ายกว่า 50 ภาพ มาจัดแสดง ณ ผนังโค้ง ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ระหว่างวันที่ 4 – 16 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเปิดให้เข้าชมฟรี ทั้งนี้ ในช่วงเวลาของการจัดนิทรรศการ ผู้สนใจสามารถซื้อหนังสือภาพถ่าย สูจิบัตร และของที่ระลึกต่าง ๆ ได้ภายในงาน ตลอดจนร่วมฟังกิจกรรมเสวนาของกลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาติและผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อาทิ ดร.อุษารดี ภู่มาลี ดร.เพชร มโนปวิตร และ คุณจรีรัตน์ เพชรโสม เป็นต้น.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพบกประณามกัมพูชา โจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตไทย

กทม. 24 ก.ค.-กองทัพบก ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. วันนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะได้รายงานให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด.-313.-สำนักข่าวไทย

น่าน จมมาบาดาลเกือบทั้งเมืองแล้ว

น่าน 24 ก.ค.-น้ำท่วมตัวเมืองน่านวิกฤติหนัก หลังน้ำยังเพิ่มสูงบางจุดท่วมมิดชั้น 2 แล้ว และขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กม. รวมทั้ง รพ.น่าน ที่ต้องย้ายผู้ป่วยไปที่สนามบิน น้ำท่วมตัวเมืองน่านเรียกว่าสาหัสสากรรจ์จริงๆ ตอนนี้เมืองน่านจมมาบาดาลเกือบทั้งเมืองแล้ว จากที่ประเมินเท่ากับน้ำท่วมใหญ่ปี 49 ซึ่งเป็นน้ำท่วมใหญ่รอบร้อยปี แต่ตอนนี้น่าจะหนักเกินแล้ว น้ำท่วมถึงชุมชนสวนตาล ซึ่งอยู่ห่างจากริมน้ำน่าน 4 กิโลเมตร แม้จะเห็นว่าระดับไม่สูง แต่ด้านในสูงถึงคอแล้ว การเข้าออกต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว และน้ำยังเพิ่มขึ้น ชาวบ้านยังเร่งอพยพข้าวของออกมา เขตเศรษฐกิจเมืองน่านไม่ต้องพูดถึงจมน้ำสูงกว่า 1 เมตร วัดวาอารามหลายแห่งถูกน้ำท่วม และยิ่งชุมชนใกล้น้ำน่านบ้านเรือนหลายพันหลังถูกน้ำท่วมสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 ของบ้าน อย่างเจ้าของบ้านรายนี้ถ่ายภาพจากชั้น 2 ของบ้านย่านชุมชนบ้านพระเกิด ไม่ไกลจากโรงพยาบาลน่าน ส่งมาให้ทีมข่าว จะเห็นว่าน้ำท่วมสูงเกินรั้วบ้านและกำลังจะขึ้นชั้นสอง และมีชาวบ้านที่ติดอยู่ในบ้านกลางน้ำท่วมสูงอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปช่วยแต่เรือมีจำกัดและน้ำยังไหลเชี่ยว ทำให้บางจุดยังไม่สามารถเข้าไปได้ ชาวบ้านบางส่วนต้องเดินฝ่าน้ำท่วมสูงถึงคอออกมาด้านนอก เพื่อหาอาหารและน้ำดื่ม รวมทั้งโรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมตั้งแต่เมื่อคืน เจ้าหน้าที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบอกว่า ตอนนี้น้ำท่วมสูงมาก ตึกอาคารเก่าน้ำท่วมถึงหน้าอก แต่ผู้ป่วยในราว 3 ร้อยคนอยู่บนตึกใหม่ตั้งแต่ชั้น 2 ปลอดภัยดี […]

เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคาม

กทม. 24 ก.ค.-เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามฝ่ายตรงข้าม โฆษก ทบ. ชี้ชัดเจนแล้ว กัมพูชา เป็นฝ่ายที่บีบบังคับเรา ซัดเราคงไม่ปล่อยให้ใครเอาเปรียบ หรือลอบทำร้าย จากนี้จำเป็นต้องทำในสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ลั่นขณะนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้! ขอให้พี่น้องคนไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพไทย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ที่เราเปิดปฏิบัติการ ว่าคือ แผนป้องกันประเทศ ที่กำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วย และกำลังทางทหาร และให้เตรียมความพร้อม เมื่อมีคำสั่ง เป็นแผนที่ได้ถูกกลั่นกรอง โดยประเมินจากสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในกิจการป้องกันประเทศ ในกรอบของกองทัพบก ที่ผ่านมา ในศึกเขาพระวิหาร ที่ใช้แผนนี้ ปัจจุบันขีดความสามารถกำลังรบเราเป็นอย่างไร โฆษก ทบ. ระบุพัฒนามาตามลำดับ และพิจารณาให้เหมาะสมกับภัยคุกคาม และขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ป้องกันภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนแผนหลักๆ เป็นการป้องกัน หรือรุกคืบ โฆษก ทบ. ระบุ อาจจะพูดไม่ได้ แต่โดยปกติ อันดับแรกต้องครอบคลุมอธิปไตยของเราก่อน ส่วนเป็นการซีลชายแดนหรือไม่ โฆษก ทบ. ระบุพูดง่ายๆ แผนนี้ […]

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย