กรุงเทพฯ 29 ม.ค. – คณะกรรมการพิจารณาฯ กฟผ. ตีตกข้ออุทธรณ์ไอทีดีเรื่อง “ขุดเหมืองแม่เมาะ” ในขณะนี้รอข้อสรุปของคณะทำงาน ชุด “พล.ต.ท.เรวัช” หากสรุปตรงกัน ชาวบ้านก็จะไม่ต้องรับผลกระทบค่าไฟแพง
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าววานนี้ถึงความคืบหน้าการจัดซื้อจัดจ้างงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง สัญญาที่ 8/1 ในวงเงินงบประมาณ 7,250 ล้านบาทนั้นว่า ทางคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งมี พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ได้เชิญการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ไปให้ข้อมูลข้อเท็จจริงไปแล้ว โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.เรวัช ระบุจะเร่งสรุปและกำหนดกรอบทำงาน 45 วัน หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งจากกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 67 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กฟผ.ยังสามารถบริหารจัดการถ่านหินได้เพียงพอ และน่าจะพยุงไปได้อีกสักระยะหนึ่ง แต่หากยืดเยื้อไปถึงเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ การผลิตจะไม่เพียงพอจำเป็นต้องนำเข้าถ่านหินสำรองเข้ามาใช้ หรือจะใช้โรงไฟฟ้าก๊าซฯ เดินเครื่องแทนก็ต้องดูแนวทางต่อไป
โครงการนี้ ทางบริษัท สหกลอิควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะในการประกวดราคางานจ้างเหมาขุด-ขนดิน และถ่านเหมืองแม่เมาะ สัญญาที่ 8/1 อย่างไรก็ตาม บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้ยื่น 3 ข้ออุทธรณ์ แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ล่าสุดคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ กฟผ.ได้ตีตกคำร้องของ ITD ทั้ง 3 ข้ออุทธรณ์ ในขณะที่สหกลอิควิปเม้นท์ ได้ทำหนังสือถึง กฟผ.สอบถามความคืบหน้าการแจ้งผลการอุทธรณ์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เนื่องจากระยะเวลานับวันจากที่ปรากฎข่าวในสื่อว่าอยู่ระหว่างขั้นตอนการอุทธรณ์นั้น ได้ผ่านมาพอสมควรแล้ว รวมถึงได้ทราบว่าได้มีการวินิจฉัยผลการอุทธรณ์ดังกล่าวโดยผู้มีอำนาจเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามระเบียบของ กฟผ. เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ พิจารณาเสร็จสิ้น ทาง ผู้ว่าการ กฟผ.จะต้องแจ้งผลการพิจารณาและลงนามในสัญญาต่อไป อย่างไรก็ตาม จากที่นายพีระพันธุ์ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ ที่มี พล.ต.ท.เรวัช เป็นประธานกรรมการสอบสวน ดังนั้น จึงต้องรอผลสรุปจากทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ ก่อนว่าจะออกมาอย่างไร คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนได้ภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งหากการพิจารณาไปในทางเดียวกันก็จะไม่มีปัญหา แต่หากมีความแตกต่าง ก็คงจะต้องมาดูรายละเอียดในแง่กฏหมายต่อไป. – 511- สำนักข่าวไทย