กรมการค้าภายในทำลายเครื่องชั่งตวงวัดผิด กม.กว่า 7,800 เครื่อง

กรุงเทพ 24 ม.ค. – กรมการค้าภายในทำลายเครื่องชั่งตวงวัดผิดกฎหมายทั่วประเทศรวม 7,846 เครื่อง มูลค่า 4.26 ล้านบาท ห้ามนำกลับมาใช้อีก เผยปี 2567 ทำลายแล้ว 13,000 เครื่อง แนะผู้บริโภคสังเกตสติ๊กเกอร์ตรวจสอบประจำปี หรือสติ๊กเกอร์ QR Code บนเครื่องก่อนซื้อขาย


นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีทำลายเครื่องชั่งตวงวัดผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด โดยกรมฯ ได้เข้าตรวจสอบและยึดเครื่องชั่งตวงวัดที่ไม่ผ่านการตรวจสอบให้คำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อมาทำลายให้สิ้นสภาพ ไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีกทั้งหมด 7,846 เครื่อง แบ่งเป็น ยึดใน กทม.และปริมณฑล 5,188 เครื่อง ส่วนภูมิภาค 2,658 เครื่อง โดยมีผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายกเทศบาลนครนนทบุรี ผู้แทนจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นายกสมาคมผู้ประกอบการชั่งตวงวัดไทย และผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าขายเครื่องชั่งตวงวัด ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับการทําลายเครื่องชั่งตวงวัดที่ผิดกฎหมาย ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องดําเนินการอย่างโปร่งใส โดยต้องทำลายให้สิ้นสภาพ ไม่สามารถนำกลับมาใช้อีก และเครื่องที่ถูกทำลายจะขายนำรายได้เข้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นการป้องปรามการนำเข้าเครื่องชั่งตวงวัดผิดกฎหมายจากต่างประเทศ ตามมาตรการของรัฐบาล และรักษาความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้บริโภคและผู้ใช้เครื่องชั่งตวงวัดในการซื้อขายสินค้า เนื่องจากการลักลอบนำเข้าเครื่องชั่งตวงวัดที่ไม่ได้รับการรับรองดังกล่าว นอกจากจะส่งผลโดยตรงต่อผู้ประกอบธุรกิจผลิตนำเข้าเครื่องชั่งตวงวัดของไทยแล้ว ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่คลาดเคลื่อน ไม่เที่ยงตรง ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจในอนาคต


อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2567 จนถึงครั้งนี้ ได้ดำเนินการทำลายเครื่องชั่งตวงวัดรวมทั้งสิ้น 20,846 เครื่อง แบ่งเป็น เครื่องชั่งดิจิตอล 8,546 เครื่อง เครื่องชั่งสปริง 6,408 เครื่อง ตลับเมตร 5,387 เครื่อง เครื่องตวง 30 เครื่อง และมาตรวัดปริมาตรน้ำ 475 เครื่อง มูลค่ารวมกว่า 10.85 ล้านบาท รวมถึงการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542  ทั้งนี้ ขอฝากถึงผู้ประกอบการที่ใช้เครื่องชั่งตวงวัดในการค้าขายว่าจะต้องใช้เครื่องที่ผ่านการตรวจสอบให้คำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และต้องดูแลตรวจสอบเครื่องของตนอย่างสม่ำเสมอ หากใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่ไม่ผ่านการตรวจสอบให้คำรับรองจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่ามีการดัดแปลงแก้ไขหรือโกงเครื่องชั่งเพื่อเอาเปรียบประชาชนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาทในส่วนของประชาชนผู้บริโภคและเกษตรกร ขอให้สังเกตความผิดปกติของเครื่องชั่งตวงวัดที่ใช้ซื้อขายสินค้า เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง หากพบเห็นการโกงเครื่องชั่งตวงวัดหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า สามารถร้องเรียนได้ทางสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 แอปพลิเคชั่น LINE @MR.DIT สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหรือสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ. -516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ