กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง วิเคราะห์ ศก.ปี 68 ชี้ไทยเตรียมรับมือความท้าทายครั้งใหญ่

กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง เผยมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2568 ชี้เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน นักลงทุนควรจับตานโยบายทรัมป์ 2.0 ที่อาจมีผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนทั่วโลกอย่างใกล้ชิด


กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง เผยมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2568 ในงานสัมมนา KRUNGSRI PRIVATE BANKING Investment Outlook 2025 ในหัวข้อ 2025 and Beyond: Power Dynamics after Trump Era โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ได้แก่ Mr. Shaun Jamieson, Vice President Global Allocation Team BlackRock ดร. อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายวิรัตน์ วิทยศรีธาดา, CFA ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์และที่ปรึกษาการลงทุน และหัวหน้าทีม Krungsri Investment Intelligence ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

เริ่มต้นด้วยมุมมองเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ Mr. Shaun Jamieson, Vice President Global Allocation Team, BlackRock ได้แบ่งกรอบการวิเคราะห์สถานการณ์ออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย ปัจจัยคงที่ ปัจจัยผันแปร และสุดท้ายคือการนำทั้ง 2 ส่วนมาวิเคราะห์เป็นกลยุทธ์การลงทุน ทั้งนี้ ในส่วนของปัจจัยคงที่ ได้แก่ 1) เศรษฐกิจสหรัฐฯ พึ่งพาภาคบริการมากขึ้น ทำให้ความผันผวนทางเศรษฐกิจลดน้อยลง 2) ตลาดแรงงานสหรัฐฯ แข็งแกร่ง อัตราการว่างงานต่ำ และการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ 3) ภาคครัวเรือนสหรัฐฯ มีเงินออมสูง สืบเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง COVID-19 4) การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CapEx) ที่เกี่ยวข้องกับ AI ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างเศรษฐกิจ และคาดว่า AI จะช่วยเพิ่ม GDP ได้ถึง 15% ใน 10 ปีข้างหน้า และ 5) สภาพคล่องส่วนเกินในระบบเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง สะท้อนจากมูลค่าเงินทุนจำนวนกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกองทุนตลาดเงิน ซึ่งอาจหนุนตลาดหุ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง


อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีตัวแปรที่ยังคงต้องติดตาม ได้แก่ 1) ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการคลังของสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้านการค้า ขณะที่นโยบายด้าน Deregulation อาจจะให้ผลในเชิงบวก 2) ผลกระทบของกระแสทวนกลับของโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) โดยที่แต่ละประเทศจะเน้นการพึ่งพาตนเองมากขึ้น 3) ทิศทางนโยบายการเงินของ FED ที่ยังคาดเดาไม่ได้ และ 4) หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สิ่งเหล่านี้กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่จะระบุถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะถัดไป ซึ่งหากนำปัจจัยทั้ง 2 มาวิเคราะห์ถึงผลกระทบโดยรวมที่อาจเกิดขึ้น มองว่าในระยะสั้นจะมี Positive Demand Shock จากตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการบริโภค รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่จะยังส่งผลบวกต่ออุปสงค์ในภาพรวม ขณะที่เงินเฟ้อจะยังคงมีอยู่ แต่ในระยะยาวจะเกิด Positive Supply Shock การลงทุนภาครัฐและเอกชนที่เน้นประสิทธิภาพการผลิต เช่น เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน ที่ช่วยทดแทนแรงงาน

สำหรับมุมมองด้านการลงทุน แม้ว่าปัจจุบันราคาหุ้นจะไม่ได้อยู่ในระดับต่ำ แต่ยังมีโอกาสการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่มีผลประกอบการและกระแสเงินสดเติบโต ซึ่งปัจจุบันอัตราการเติบโตของรายได้และกระแสเงินสดอิสระสูงกว่าในอดีต ขณะที่ยุโรปมี Valuation ที่น่าสนใจ แต่มีความเสี่ยงในการเติบโต อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบริษัทชั้นนำในกลุ่ม Healthcare และ Financial ที่น่าสนใจเช่นเดียวกับญี่ปุ่น ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของ Corporate Reform ซึ่งการซื้อหุ้นคืนช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นด้านตราสารหนี้ แนะนำลงทุนในตราสารอายุสั้นที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตราสารหนี้ระยะยาว นอกจากนี้ High Yield Bond และตราสารหนี้ที่มีหลักประกันยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งจากการชำระหนี้ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ

ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แบ่งการวิเคราะห์การลงทุนในจีนเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและนโยบายทรัมป์ 2.0 ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจไทยและโลก โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนยังอยู่ในช่วง Stabilization คือเน้นทำให้เศรษฐกิจมีความมั่งคง รักษาระดับการเติบโต และเตรียมปรับโครงสร้างระยะยาว โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีผลต่อ GDP ประมาณ 15-30% ขณะที่รัฐบาลจะหันไปสนับสนุนเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น พลังงานสะอาด ซึ่งมีสัดส่วนการเติบโตกว่า 8% ของ GDP ส่วนด้านนโยบาย ทรัมป์ 2.0 ที่มุ่งเป้าไปที่ประเทศจีนและดึงฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ อาจเป็นการขึ้นกำแพงภาษีกับทุกประเทศ เพื่อดึงโรงงานจากจีนและประเทศอื่นๆ กลับไปยังสหรัฐฯ


สำหรับท่าทีการตอบโต้ของจีน มองว่า จีนจะเน้นการพัฒนาตลาดภายในประเทศและขยายไปยังตลาดเกิดใหม่ เช่น ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ที่เริ่มต้นพร้อมกันระหว่างสหรัฐฯ และจีน เช่น AI, พลังงานทางเลือก และ Quantum Computing ซึ่งโดยสรุปแล้ว มองว่าการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ (Globalization) ในรอบนี้ สหรัฐฯ และจีนจะพึ่งพาตนเองมากขึ้น ซึ่งอาจกระทบกับความมั่งคั่งที่ลดลง แต่จะแข็งแกร่งในระยะยาว ขณะที่ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะไทยและประเทศกำลังพัฒนา จะเผชิญความท้าทายจากการย้ายฐานการผลิตกลับและสินค้าจีนที่ทะลักเข้าสู่ตลาดโลก

นายวิรัตน์ วิทยศรีธาดา, CFA ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์และที่ปรึกษาการลงทุน และหัวหน้าทีม Krungsri Investment Intelligence ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มองปัจจัยสำคัญสำหรับการลงทุนในปี 2568 เป็น 4 ประเด็น ดังนี้

  1. เศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ : นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ดี และมีโอกาสเกิด Recession ต่ำ อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของทรัมป์ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ
  2. ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด 7 ไตรมาสติดต่อกัน อย่างไรก็ตามในระยะถัดไป การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับตลาดหุ้นในปี 2568
  3. อัตราผลตอบแทนของพันธบัตร (Bond Yield) : อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช้าและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงนโยบายทรัมป์ 2.0 อาจส่งผลให้ FED ปรับลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น และกดดันราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้น ทั้งนี้ ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังคงแข็งแกร่ง ส่งผลให้ Bond Yield อยู่ในระดับสูง ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อกองทุนตราสารหนี้โลก
  4. นโยบายทรัมป์ 2.0 : อาจส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัว และเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามนโยบายในแง่บวกคือนโยบายการลดภาษีนิติบุคคลและ Deregulation ทั้งนี้ผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั้งแง่บวกและลบ ขึ้นอยู่กับว่าทรัมป์จะสามารถดำเนินนโยบายตามที่สัญญาไว้ได้มากน้อยและรวดเร็วแค่ไหน
    โดยทีม Krungsri Investment Intelligence ได้สรุปมุมมองและคำแนะนำการลงทุนของแต่ละสินทรัพย์ ไว้ดังนี้
  • ตราสารหนี้โลก : แนะนำให้ลงทุนในช่วงที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยแนะนำกองทุน KF-CSINCOM ที่มีการปรับ Duration ของกองทุนสม่ำเสมอ และปรับสัดส่วน High Quality กับ High Yield ตามสภาวะตลาด
  • ตลาดหุ้นโลก : มีมุมมองที่เป็นกลาง แต่มีมุมมองเป็นบวกกับการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะได้ประโยชน์จากมาตรการของทรัมป์ อย่างไรก็ตามควรติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาหุ้นอาจมีความผันผวนจาก Valuation ที่อยู่ในระดับสูง
  • หุ้นยุโรป : จังหวะซื้อที่ดีคือช่วงที่ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจยุโรปยังมีความไม่แน่นอนสูง แนะนำรอความชัดเจนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • หุ้นญี่ปุ่น : ยังคงได้รับประโยชน์จากค่าเงินเยนที่อ่อนและเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการที่บริษัทมีนโยบายการซื้อหุ้นคืน
  • หุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา : มองว่ามีปัจจัยกดดัน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ความไม่แน่นอนของการค้าระหว่างประเทศ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และอัตราผลตอบแทนสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • หุ้นจีน : มองว่ากำลังเผชิญ 2 ประเด็นหลัก คือ การค้าระหว่างประเทศและภาคอสังหาฯ อย่างไรก็ตามมองว่ารัฐบาลจีนน่าจะมีการประกาศนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นระยะๆ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น
  • หุ้นไทย : มองว่ามีความเสี่ยงจากการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของ GDP อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยบวก
  • หุ้นเวียดนาม : จะมีปัจจัยบวกจากการอัปเกรดเป็น Emerging Markets แต่ต้องระวังผลกระทบจากนโยบายการค้าของทรัมป์ ซึ่งมีผลต่อประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐฯ

สำหรับผู้สนใจบริการ KRUNGSRI PRIVATE BANKING สามารถเข้าไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศึกษารายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsri.com/th/wealth/krungsri-private-banking.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย