ธ.กสิกรไทย เผยปี 67 กำไร 4.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.60%

กรุงเทพฯ 22 ม.ค. – ธ.กสิกรไทย เผยปี 2567 มีกำไรสุทธิ 48,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.60% จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า-เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน จับตาผลกระทบจากความไม่แน่นอนนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ
 
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังมีสัญญาณฟื้นตัวไม่ทั่วถึง (K-Shaped Recovery) แม้ในภาพรวมสามารถประคองการขยายตัวไว้ได้ในระดับที่สูงกว่าปี 2566 โดยภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าบางหมวดที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรสินค้าเทคโนโลยีขยายตัวได้ดี แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนยังมีสัญญาณอ่อนแอท่ามกลางแรงกดดันต่อเนื่องจากปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ข้อจำกัดของกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศ และปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง สำหรับในปี 2568 แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายจากหลายด้าน โดยเฉพาะผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ความเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ปัญหาในภาคการผลิตและภาระหนี้เอกชนที่อยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข


ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยต่าง ๆ ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย โดยเฉพาะการส่งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น การดูแลช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ซึ่งรวมถึงการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending) ตลอดจนการให้ความร่วมมือโครงการภาครัฐเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิต และธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน ผ่านการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 และการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่อง

ในไตรมาส 4 ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 25,513 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,665 ล้านบาท หรือ 6.13% จากไตรมาส 3 ปี 2567 โดยรายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีจำนวน 48,685 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 23,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,671 ล้านบาท หรือ 7.77% ซึ่งเป็นตามฤดูกาล รวมทั้งมีการตั้งสำรองผลขาดทุน ด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 12,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 590 ล้านบาท หรือ 5.06% ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมรองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2567 มีจำนวน 10,494 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,471ล้านบาท หรือ 12.30% จากไตรมาสก่อน


ในปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 110,673 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,988 ล้านบาท หรือ 2.77%จากปีก่อน โดยรายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีจำนวน 197,946 ล้านบาท เติบโตจำนวน 5,293 ล้านบาท หรือ 2.75% เป็นผลจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร และการขยายตัวของปริมาณธุรกิจ โดยในปี 2567 ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 87,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,305 ล้านบาท หรือ 2.71% จากปีก่อน สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ในปี 2567 อยู่ที่ 44.09% ใกล้เคียงกับปีก่อนจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่า และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารและบริษัทย่อยยังคงตั้งสำรองฯ ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เติบโตช้าและในอัตราที่ต่ำ แม้ว่าสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss : ECL) ลดลง 8.85% จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2567 มีจำนวน 48,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 6,193 ล้านบาท หรือ 14.60%  รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 149,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 932 ล้านบาท หรือ 0.63%จากปีก่อน ส่วนหนึ่งจากเงินให้สินเชื่อที่เติบโตได้จำกัดสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับการยกระดับกระบวนการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net Interest Margin : NIM) อยู่ที่ 3.64% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 48,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 4,361 ล้านบาท หรือ 9.86% หลัก ๆ จากรายได้ค่าธรรมเนียมรับจากการให้บริการบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้าผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งของธนาคารและบริษัทย่อย รวมทั้งพันธมิตร นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้จากการให้บริการด้านปริวรรตเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว  

ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 87,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,305 ล้านบาท หรือ 2.71% จากปี 2566 เป็นการเพิ่มในอัตราที่ต่ำ เมื่อเทียบกับค่าใช่จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ของปี 2566 ที่เติบโตจากปีก่อนหน้าในระดับที่สูง ซึ่งเป็นผลจากการมุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ หลัก ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าใช้จ่ายทางการตลาดซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการขยายตัวของธุรกิจ รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการให้บริการลูกค้า

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,325,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 จำนวน 41,731 ล้านบาท หรือ 0.97% โดยเงินให้สินเชื่อสุทธิมีจำนวน 2,390,187ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 18,695 ล้านบาท หรือ 0.79% สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับการยกระดับกระบวนการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดอย่างระมัดระวังรอบคอบ โดยสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ยังคงมีการเติบโต เงินรับฝากมีจำนวน 2,718,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 19,113ล้านบาท หรือ 0.71% สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.18% โดยธนาคารยังคงติดตามและจัดการคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดและรอบคอบ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเหมาะสม และปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ รวมทั้งพิจารณาตั้งสำรองฯ อย่างเพียงพอตามหลักความระมัดระวัง โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) สูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 153.27%  สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 20.25%.-516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ