พาณิชย์เผยธุรกิจรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับในจีนบูม คาดปี 69 โต 1.7 หมื่นล้านหยวน

ก.พาณิชย์ 20 ม.ค. – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะผู้ประกอบการไทยศึกษาการเติบโตของรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับในจีน เผยล่าสุดได้รับความนิยมทั้งการใช้รถจัดส่งพัสดุ ที่ผู้บริโภคสั่งซื้อทางออนไลน์ ธุรกิจจัดส่ง Delivery หลายรายนำมาใช้ และการใช้รถนำอาหารไปขายตามที่ต่าง ๆ เผยสามารถนำมาปรับใช้ในการขายสินค้าให้ผู้บริโภคชาวจีน และนำมาพัฒนาต่อยอดการทำธุรกิจของตนเอง


น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายนิติ ปทุมวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการเติบโตของรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่กำลังพลิกโฉมหน้าธุรกิจบริโภคในจีน และโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะศึกษานวัตกรรมดังกล่าว และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ โดยนับตั้งแต่จีนได้มีการเริ่มทดลองตลาดตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ธุรกิจรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับ ได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งไม่เพียงแต่พลิกโฉมรูปแบบการจัดส่งสินค้าและพฤติกรรมบริโภคแบบตั้งเดิมของจีน ยังส่งเสริมศักยภาพการพัฒนาของธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างมหาศาล โดยผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้า Delivery ทางออนไลน์ สามารถรับสินค้าได้ โดยมีรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับและสามารถจัดส่งสินค้าถึงหน้าบ้านเร็วกว่ากำหนด 1 ชั่วโมง และผู้บริโภคสามารถสั่งซื้ออาหารและรับอาหารได้ไม่เกิน 1 นาที โดยวิธีการสแกน QR Code จากรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับที่เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระตามพื้นที่ต่าง ๆ

ทั้งนี้ มีข้อมูลจากสถาบันวิจัยอุตสาหกรรมธุรกิจประเทศจีน ระบุว่า ปี 2566 ตลาดธุรกิจรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับมีมูลค่าสูงถึง 6,500 ล้านหยวน คาดการณ์ว่าในปี 2569 จะเพิ่มมูลค่าเป็น 17,000 ล้านหยวน และในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าสูงถึง 750,000 ล้านหยวน การพัฒนาดังกล่าวได้รับผลขับเคลื่อนจากการนวัตกรรมเทคโนโลยี ความต้องการทางตลาด และการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาลจีน จุดเริ่มจากการประยุกต์ใช้รถส่งสินค้าแบบไร้คนขับเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงการประยุกต์ใช้ในการจัดส่งพัสดุ การจัดส่งอาหาร Delivery และการจัดส่งสินค้าของใช้ประจำวันจากร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต


โดยข้อมูลสถิติตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึง พ.ค.2567 การใช้งานรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับ ส่วนใหญ่อยู่ที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งในมณฑลเจียงซูมีรถจัดส่งสินค้าแบบไร้คนขับจํานวนมากที่สุด และในเมืองซูโจวของมณฑลเจียงซูเป็นเมืองที่มีรถส่งสินค้าดังกล่าวใช้งานอยู่ในปัจจุบันมากที่สุดในจีน โดยรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับ จะมีขนาดตัวถังเป็นความยาวประมาณ 2.5 เมตร กว้าง 1 เมตร และสูง 1.7 เมตร ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 30 กม./ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 100 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง

รถดังกล่าวสามารถขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัว สามารถหลบหลีกทางให้คนเดินถนน หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางและยานพาหนะ รถส่งสินค้าแบบไร้คนขับถูกนำมาใช้แพร่หลายในธุรกิจ 3 สาขา ได้แก่ ธุรกิจจัดส่งพัสดุ ตามการเติบโตของการค้าออนไลน์ ธุรกิจจัดส่ง Delivery ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์ม และรถจะวิ่งไปจัดส่งให้ และธุรกิจจำหน่ายอาหาร ที่มีร้านอาหารหลายราย ได้ใช้วิธีการนี้ ปรุงอาหารแล้วใส่ไว้ในรถให้ขับไปตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างอิสระ ผู้บริโภค สามารถโบกมือหน้ารถ และเลือกอาหารบนหน้าจอ จ่ายเงินโดยสแกน QR Code ก็เปิดประตูหยิบอาหารไปได้เลย รวมถึงแบรนด์ดัง อย่าง KFC และ McDonald ก็นำอาหารใส่รถวิ่งจำหน่ายบริเวณห้าง และรถไฟใต้ดิน

นอกจากนี้ ล่าสุดจนถึงเดือน ก.ค.2567 จีนได้ออกนโยบายบริหารพื้นที่ของรถดังกล่าวใน 28 พื้นที่ทั่วประเทศ อนุญาตให้เปิดดำเนินงานในพื้นที่ทั่วไป 17 พื้นที่ และพื้นที่ในถนนที่อนุญาตให้ขับความเร็วมากกว่า 40 กม./ชม.จำนวน 11 พื้นที่ ปัจจุบันทั้งประเทศจีนมีรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับดำเนินการแล้ว จำนวน 6,000 คัน และได้บริการจัดส่งสินค้ามากกว่า 300 ล้านใบสั่ง/ชิ้น ให้กับผู้บริโภคมากกว่า 24 ล้านคน


“ธุรกิจรถส่งสินค้าแบบไร้คนขับ ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพหลังจากกระแสรถยนต์ไร้คนขับที่มาแรงในตลาดจีน เนื่องจากเทคโนโลยีไร้คนขับได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดของจีน การจัดส่งสินค้าแบบไร้คนขับได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคจีน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีแนวคิดการใช้ชีวิตและพฤติกรรมบริโภคที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีระบบสมาร์ทที่ทันสมัย ขณะเดียวกันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า อีกทั้งยังลดต้นทุนได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดจีนยังไม่ได้ใช้รถส่งสินค้าแบบไร้คนขับในการจัดส่งสินค้าและจำหน่ายสินค้าอย่างแพร่หลาย แต่ด้วยการพัฒนาธุรกิจการขนส่งและนวัตกรรมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและขยายห่วงโซ่อุปทานได้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาและติดตามนวัตกรรมที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจต่อไปในอนาคต” น.ส.สุนันทา กล่าว 517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]