นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน ห่วงพายุเศรษฐกิจกระหน่ำปี 68

กรุงเทพฯ 17 ม.ค.-นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน ห่วงครึ่งหลังปี 68 ต้องฟันฝ่าหลายปัจจัยเสี่ยง ย้ำจีนยังสนใจท่องเที่ยวไทย ห่วง P/B Ratio ของบริษัทจดทะเบียนยังเปราะบาง ไทยเผชิญความท้าทายรุนแรงขึ้น ลุ้นอภินิหาร “ทรัมป์” ประกาศนโยบาย 20 ม.ค.นี้

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยระหว่างร่วมงานสัมมนา “CIO Forum 2025 : Reshaping Investment Paradigm” คาดว่า จีดีพีไตรมาส 4 ปี 67 ยังมีแรงส่งดีต่อเนื่อง และส่งต่อมายังต้นปี 68 จึงมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 68 จะเติบโต 2.3 – 3.3% จากแรงขับเคลื่อนรายจ่ายภาครัฐ อุปสงค์ในประเทศขยายตัวจากการท่องเที่ยว สำหรับเหตุการนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยชะงักลง มองว่าเป็นเพียงระยะสั้น เพราะแนวโน้มจีนยังสนใจมาท่องเที่ยวไทย แม้จะมีปัญหาเรื่องความไม่ปลอดภัย เมื่อรัฐบาลเร่งแก้ปัญหา จะสร้างความเชื่อมั่น เพราะจีนยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก ทำรายได้เข้าประเทศ


รวมทั้งการส่งออกคาดว่าขยายตัวต่อเนื่อง ลุ้นความเสี่ยงนโยบายของทรัมป์ หากยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้า จึงต้องเตรียมพร้อมผลรับกระทบดังกล่าว มองว่า ความขัดแย้งจีน-สหรัฐ จะเข้าใกล้ประเทศไทย ครึ่งปีหลังจึงน่าเป็นห่วงและบริหารการส่งออกให้ดี สำหรับนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศ มองว่า ดอกเบี้ยอาจเริ่มลดลง หลังเงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำลง ส่วนภาคอสังหาฯ ของไทยชะลอตัว จากการความต้องการลดลง และปล่อยกู้ได้น้อย แต่การก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมยังไปได้ต่อ ดัชนีผลผลิตอุตสหากรรมลดลง เพราะกลุ่มยานยนต์ได้รับผลกระทบจากรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยในวันที่ 17 ก.พ.68 สภาพัฒน์ เตรียมประกาศ จีดีพีไตรมาส 4 และคาดการณ์จีดีพีทั้งปี 68 หลังได้ดูนโยบาย ทรัมป์ ประกาศในวันเข้ารับตำแหน่ง 20 ม.ค.นี้ จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร ยานยนต์ไฟฟ้า ยังเป็นทางเลือกที่สำคัญ ขณะที่ซัลพลายเชน อาจต้องปรับเปลี่ยนไปทำอุตหสากรรมด้านอื่นทดแทน

หากรัฐบาลต้องการผลักดันจีดีพีโตร้อยละ 4-5 ในระยะถัดไป ต้องผลักดันไปสู่นวัตกรรมเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะการนำ AI เข้ามาช่วย การนำอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายมาปรับโครงสร้าง อุตสหากรรมยานยนต์ และสร้างมูลค่าเพิ่ม คือ อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เช่น อาหารแห่งอนาคต อาหารดูแลสุขภาพ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ต้องดึงเข้ามาลงทุน พร้อมกับแรงจูงใจ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต้องมีความสำคัญมากขึ้น หลังจากได้รัฐบาลได้ออกภาษี GMT การยกระดับแรงงาน สายวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ ชีพดีไซน์ ในช่วงถัดไปแรงงานส่วนนี้จะช่วยสร้างเศรษฐกิจของประเทศ การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว


นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจปีนี้ถือว่า มีความท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ โดยภาคการเงินเผชิญกับความท้าทาย จากการเติบโตของสินเชื่อที่ต่ำ และความเสี่ยงด้านหนี้เสีย ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทำให้ธนาคารต้องช่วยเหลือลูกหนี้ร่วมกับภาครัฐออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” โดย กกร. คาดการณ์ว่าจีดีพีในปี 68 ขยายตัวร้อยละ 2.4-2.9 ขณะที่ ธ.กรุงไทย มองว่าจีดีพีโตร้อยละ 2.7 ส่วน IMF มองว่า จีดีพีไทยโตเฉลี่ยโตร้อยละ 2.7 ต่ำกว่าศักยภาพของไทย ทำให้เกิดปัญหาเงินทุนไหลออก การให้สินเชื่อขยายตัวต่ำ ยอดหนี้ NPL ยังอยู่ในระดับสูง จึงกระทบต่อลูกค้าของธนาคารอย่างมาก

ยอมรับในมุมมองของนักลงทุนยังสะท้อนถึงความเปราะบาง โดย P/B Ratio ของธนาคาร อยู่ที่ 0.7 นับยังคงต่ำกว่า 1 ต่อเนื่อง รวมทั้งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ฯ(SET) ที่ 1.4 และต่ำกว่าธนาคารในภูมิภาคอื่นๆ อย่างมาก ขณะที่สัดส่วน 60% ของจำนวนบริษัทที่จดทะเบียนทั้งหมดใน SET มี P/B Ratio ต่ำกว่า 1 เช่นกัน เพราะราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่าราคาตามบัญชี ปีมะเส็งจึงน่าเป็นห่วงอย่างมาก นับว่าประเทศไทย ยังต้องเผชิญกับความท้าทาอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น จากทั้ง Global Regional และ National เมกะเทรนด์หลายประการ เช่น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาเทคโนโลยี และสังคมผู้สูงอายุ เศรษฐกิจนอกระบบสูง หนี้ครัวเรือนสูง หนี้สาธารณะสูง ความเหลื่อมล้ำสูง ล่าสุดคือ ปัจจัย Trump Impact ทำให้ความสามารถการแข่งขันต่ำ ease of doing business ปัจจัยเหล่านี้ อาจนำไปสู่จุดเปลี่ยน หรือ Inflection Point ที่ต้องการการปรับตัวอย่างเร่งด่วนในหลากหลายมิติ

“ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการปรับตัว เตรียมพร้อมพัฒนากลยุทธ์ และผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจ และโลกการลงทุนที่เปลี่ยนไป เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติของการลงทุน การจัดงานสัมมนา “Reshaping Investment Paradigm” เปิดโลกทัศน์ใหม่แห่งการลงทุน เพื่อให้ลูกค้า ประชาชนได้รับทราบถึงทิศทางเศรษฐกิจ การลงทุน ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีข้อมูลที่รอบด้านเพียงพอ และทันต่อสถานการณ์ในการวางแผนและรักษาความมั่งคั่งของพอร์ตลงทุนอย่างยั่งยืน” นายผง กล่าว


ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยทิศทางของสงครามการค้าว่า สงครามการค้ารอบใหม่ หรือ Trade War 2.0 แตกต่างจาก Trade War รอบแรก ”ทรัมป์“ มีแนวโน้มกีดกันทางการค้ากับทุกประเทศคู่ค้าที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ รวมทั้งประเทศไทย ต่างจากรอบแรกที่เน้นการเก็บภาษีไปยังจีน ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่า จะรุนแรง รวดเร็ว อย่างไร เพราะ ”ทรัมป์“ มักจะขู่ให้หลายประเทศเข้าไปเจรจา แต่สุดท้ายหลายประเทศเจ็บตัวอยู่ดี และต้องการฟื้นโรงงานอุตสหากรรมหลับไปยังอเมริกา ไม่ใช่นั่งอยู่เพียงในห้องแล็ป ขณะที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุว่า ต้องการเปลี่ยนรายได้จากเดิมเก็บภาษีของชาวสหรัฐ เปลี่ยนมาเป็นภาษีนำเข้าแทน และส่งสัญญาณให้กับบริษัทต่างๆ ทั่วโลกรับทราบว่า หากต้องการขายของให้สหรัฐต้องย้ายโรงงานเข้าผลิตในอเมริกา ขณะที่จีน ไม่ได้หวังกระตุ้นเศรษฐกิจมากมาย เพียงแต่ประคองให้เศรษฐกิจจีนเดินหน้าต่อไปได้

ดร.มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย Chief Investment Office ธนาคารกรุงไทย กล่าว ว่า สงครามการค้า สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศคู่ค้า มองว่าไม่ได้ส่งผลเสียกับจีนมากเท่าที่สหรัฐฯ คาดการณ์ จากการกรณีจีน ได้ Relocation การผลิตไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน จึงส่งผลดีกับเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนไปด้วย ดังนั้น สงครามการค้ารอบนี้มีโอกาส ”ทรัมป์“ จะเก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศคู่ค้า และทำให้ผลกระทบกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนและคู่ค้าหลัก อาจสูงกว่าในรอบก่อน ผลกระทบครั้งนี้กระทบเชิงลบมากว่าสงครามการค้าครั้งแรก จากประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐ

ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ ViaLink และ Siametrics Consulting ให้มุมมองเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ว่า เป็นการปฎิวัติยุคใหม่ โดยเน้นย้ำว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการกำเนิดของระบบเศรษฐกิจอัจฉริยะที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม และการปฎิวัติ AI นี้ต่างจากการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งก่อนๆ ที่เป็นการเพิ่มต้นทุน แต่ AI นั้นมาพร้อมกับการลดต้นทุนและการเพิ่มขีดความสามารถไปพร้อมกัน แนวโน้มชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ หลายคนจะเริ่มใช้ AI มาใช้คำนวณ ปรับปรุงออกแบบด้านต่างๆ ได้ตามความต้องการของตนเองได้มากขึ้น ทั้งการลงทุน การท่องเที่ยว การใช้จ่าย

นายประมุข มาลาสิทธิ์ Head of Chief Investment Office ธนาคารกรุงไทย และ Mr. Matthew Quaife Global Head of Multi Asset Investment Management จาก Fidelity International ได้ให้มุมมองการลงทุน ปี 2025 โดยมี 6 ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ เศรษฐกิจโลกยังแข็งแกร่ง ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคุกรุ่น เงินเฟ้อในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่าง ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ที่กลับมาเป็นปกติ เศรษฐกิจยุโรปเปราะบาง และการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีน สำหรับมุมมอง ตลาดหุ้นทั่วโลก มองเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นจีน และอินเดีย ด้านตราสารหนี้ มีมุมมองให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) บอนด์ยีลด์ทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่ตราสารหนี้ High Yield ของสหรัฐฯ และตราสารหนี้เอกชนยุโรปยังน่าสนใจ ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ มองว่า ราคาทองคำอาจทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกรอบ มีปัจจัยหนุนจากธนาคารกลางตลาดเกิดใหม่ และมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางหลายแห่งตลอดปี 2025.-515.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย