กรุงเทพฯ 16 ม.ค.- ผจก.ตลท. เผยมาตรการ Uptick Rule อาจยังไม่ถึงขั้นยกเลิก แต่อาจจะยังใช้กับหุ้นรายตัว ย้ำดูภาพรวมทุกมาตรการที่ส่งผลต่อตลาดหุ้น จับตา ทรัมป์ รับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐ 20 ม.ค.นี้ แนะกลุ่มธุรกิจเตรียมพร้อมรับมือ
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง มาตรการการยกระดับกำกับดูแลตลาดหุ้น ว่า ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) ได้มีการหารือร่วมกันมาโดยตลอด ล่าสุด ได้มีการประชุมประจำปี ระหว่างบอร์ด ก.ล.ต. และ ตลท. ซึ่งได้ร่วมกันทบทวนมาตรการทั้งหมด ไม่ได้เจาะจงเฉพาะมาตรการใดมาตรการหนึ่ง แต่ดูภาพรวมทุกมาตรการให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในขณะนั้น เช่น มาตรการ Dynamic Price Band (DPB) หรือ มาตรการกำหนดกรอบเคลื่อนไหวของราคาซื้อ-ขายหลักทรัพย์ระหว่างวัน , มาตรการ Floor & Selling และมาตรการ Uptick Rule โดยเฉพาะในภาวะตลาดที่มีทั้งขาขึ้น ขาลง และผันผวนสูง พร้อมยอมรับว่าท่ามกลางภาวะตลาดที่ผันผวนในปัจจุบัน มาตรการบางอย่างอาจส่งผลกดดันตลาด ซึ่งที่ผ่านมา หลายคนอาจตั้งคำถามว่ามาตรการดูแล Short Selling มีส่วนทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้นในช่วงขาลงหรือไม่ ซึ่งเราก็ดูข้อมูลรอบด้าน และทบทวนมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการ Uptick Rule ที่เคยใช้กับทั้งตลาด อาจพิจารณาเปลี่ยนมาใช้กับหุ้นรายตัว โดยอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลและต้องนำข้อมูลที่ได้ไปผนวกกับข้อมูลที่ศึกษาโดย ก.ล.ต. เพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสมที่สุด
นายอัสสเดช ยังกล่าวถึงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ ว่า ตลาดยังต้องจับตาว่าจะส่งผลกระทบอย่างไร โดยนักวิเคราะห์มีมุมมองที่หลากหลาย เมื่อพิจารณาจากข้อมูลพบว่า ไทยขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 12 ถือว่าไม่ใช่อันดับต้นๆ แต่ถ้าหากมองจากนโยบายของทรัมป์ จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มอุตสาหกรรมมากกว่า โดยเฉพาะกลุ่ม EV อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยี ขณะที่กลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ของไทยอยู่ในกลุ่มเกษตร อาจยังไม่ใช่อุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะได้รับผลกระทบมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อแนะนำให้กับภาคธุรกิจว่าควรเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ เพื่อความได้เปรียบทางธุรกิจ.-516-สำนักข่าวไทย