กรุงเทพฯ 15 ม.ค.-LH Bank ประเมินจีดีพีปี 68 โต 3% ปัจจัยหนุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น-ท่องเที่ยว-ใช้จ่ายภาครัฐฟื้น พร้อมเปิดตัวกองทุน LHTWGHD ลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวัน
นายฉี ชิง-ฟู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตในระดับ 3% ได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น เนื่องจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์สะท้อนจากการอนุมัติคำขอการลงทุนจากต่างชาติจากบีโอไอ มากกว่า 30% ต่อปี ซึ่งมองว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากการตั้งโรงงานแล้วเสร็จจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออก ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐที่ฟื้นตัว มองว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568
สำหรับสถานการณ์ราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า หากภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนด้านราคาค่าไฟก็จะเป็นโอกาสช่วยดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติมากขึ้น รวมทั้งเป็นโอกาสดีในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยปี 2568 LH Bank ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อกลุ่มลูกค้าต่างชาติในไทยเติบโตในระดับ 30%
พร้อมกันนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund บริษัทในเครือฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญ ในบทบาทของไต้หวันบนเวทีเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเป็นบริษัทในกลุ่ม CTBC Bank ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่เป็นธนาคารพาณิชย์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน มีความโดดเด่นในเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจในไต้หวันเป็นอย่างดี ประกอบกับหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตและจ่ายเงินปันผลสูงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนระยะยาว จึงได้เปิดตัวกองทุน LH Taiwan Growth and High Dividend Fund (แอล เอช ไต้หวัน โกรท แอนด์ ไฮ ดิวิเดนท์) หรือ LHTWGHD ซึ่งเป็นกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศแบบ Feeder Fund ลงทุนในกองทุนหลักและบริหารจัดการโดย CTBC จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนของตลาดได้ ประกอบด้วย 50 บริษัท ที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลและมีศักยภาพเติบโตระยะยาว เช่น หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี สินค้าอุปโภคบริโภค และโครงสร้างพื้นฐาน ด้วย ซึ่งได้เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 13-20 มกราคม 2568 สามารถลงทุนครั้งแรก 1,000 บาท
นายฉี ชิง-ฟู่ คาดหวังรายได้ช่วงเปิดตัว IPO ที่ 300 ล้านบาท คาดหวังรายได้ตลอดทั้งปี 500 – 1,000 ล้านบาท รายได้จากค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 5 -10 ล้านบาท (ราคาค่าธรรมเนียม 1-1.5%) พร้อมกับมองหาโอกาสในการเพิ่มกองทุน ในอนาคตซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน.-516.-สำนักข่าวไทย