กรมรางเผยประชาชนเดินทางด้วยระบบรางสะสมครบ 7 วัน รวมกว่า 9.077 ล้านคน-เที่ยว

กรุงเทพ 3 ม.ค. – กรมการขนส่งทางราง เผยประชาชนเดินทางด้วยระบบรางช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2568 สะสมครบ 7 วัน รวมกว่า 9.077 ล้านคน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากเทศกาลปีใหม่ 2567 ร้อยละ 2.19 โดยวานนี้ (2 ม.ค.) มีผู้ใช้บริการระบบรางรวมกว่า 1.36 ล้านคน-เที่ยว จำนวนอุบัติเหตุทางรางลดลงร้อยละ 20 และเหตุรถไฟฟ้าขัดข้องลดลงร้อยละ 50 จากเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมา


นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า วานนี้ (2 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของวันหยุดต่อเนื่องของเทศกาลปีใหม่ 2568 มีประชาชนใช้บริการระบบรางรวม 1,361,363 คน-เที่ยว ต่ำกว่าที่ประมาณการ 238,675 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 14.92 (ที่ประมาณการ 1,600,038 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 94,978 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) จำนวน 1,266,385 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. ให้บริการรวม 212 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 94,978 คน-เที่ยว สูงกว่าประมาณการ 1,770 คน-เที่ยว หรือสูงกว่าประมาณการร้อยละ 1.90 (ประมาณการ 93,208 คน-เที่ยว) แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 39,146 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 55,832 คน-เที่ยว โดยมีผู้โดยสารขาออกจำนวน 43,337 คน-เที่ยว และผู้โดยสารขาเข้า 51,641 คน-เที่ยว โดยพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 30,083 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 14,655 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 15,428 คน-เที่ยว) รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ใช้บริการ 26,334 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 10,842 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 15,492 คน-เที่ยว) สายเหนือ 19,064 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 8,810 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 10,254 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 12,248 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 5,297 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 6,951 คน-เที่ยว) และสายแม่กลองและมหาชัย 7,249 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 3,733 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 3,516 คน-เที่ยว)
  2. ระบบรถไฟฟ้า ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารวม 3,347 เที่ยว (รวมเสริม 43 เที่ยว) มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 1,266,385 คน-เที่ยว ประกอบด้วย
    2.1 รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 221 เที่ยว (รวมเสริม 6 เที่ยว) จำนวน 61,353 คน-เที่ยว
    2.2 รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 294 เที่ยว จำนวน 30,897 คน-เที่ยว
    2.3 รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) 320 เที่ยว (รวมเสริม 2 เที่ยว) จำนวน 57,256 คน-เที่ยว
    2.4 รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) 501 เที่ยว (รวมรถเสริม 35 เที่ยว) จำนวน 383,349 คน-เที่ยว
    2.5 รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) ให้บริการ 1,240 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 641,221 คน-เที่ยว
    2.6 รถไฟฟ้า สายสีทอง ให้บริการ 219 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 9,923 คน-เที่ยว
    2.7 รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) ให้บริการ 276 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 35,138 คน-เที่ยว
    2.8 รถไฟฟ้าสายสีชมพูให้บริการ 276 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 47,248 คน-เที่ยว

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ภาพรวม 7 วัน มีผู้ใช้บริการระบบรางรวมทั้งสิ้น 9,077,045 คน-เที่ยว มากกว่าเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2567 จำนวน 194,936 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.19 ประกอบด้วย


  1. รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีผู้ใช้บริการรวม 682,082 คน-เที่ยว มากกว่าผู้ใช้บริการสะสม 7 วัน ของเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 (เทศกาลปีใหม่ 67) จำนวน 86,105 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.45 แบ่งเป็น ผู้โดยสารเชิงพาณิชย์สะสม 284,280 คน-เที่ยว (มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 67 จำนวน 39,990 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.37) และผู้โดยสารเชิงสังคมสะสม 397,802 คน-เที่ยว (มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 67จำนวน 46,115 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.11) โดยมีผู้โดยสารขาออกสะสม 347,347 คน-เที่ยว และขาเข้า 334,735 คน-เที่ยว ซึ่งพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 221,995 คน-เที่ยว (ขาออก 110,559 คน-เที่ยว และขาเข้า 111,436 คน-เที่ยว) รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือ 179,250 คน-เที่ยว (ขาออก 94,298 คน-เที่ยว และขาเข้า 84,952 คน-เที่ยว) สายเหนือ 130,469 คน-เที่ยว (ขาออก 65,761 คน-เที่ยว ขาเข้า 64,708 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 83,979 คน-เที่ยว (ขาออก 42,395 คน-เที่ยว ขาเข้า 41,584 คน-เที่ยว) และสายมหาชัยและแม่กลอง 66,389 คน-เที่ยว (ขาออก 34,334 คน-เที่ยว ขาเข้า 32,055 คน-เที่ยว)
  2. ระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สะสม 7 วัน มีผู้ใช้บริการรวม 8,394,963 คน-เที่ยว มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 2567 จำนวน 108,831 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.31 ประกอบด้วย
    2.1 รถไฟฟ้า Airport Rail Link จำนวน 411,433 คน-เที่ยว (มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 67จำนวน 14,383 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.62)
    2.2 รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) จำนวน 187,870 คน-เที่ยว (มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 67จำนวน 30,182 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.14)
    2.3 รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) จำนวน 321,768 คน-เที่ยว (น้อยกว่าเทศกาลปีใหม่ 67 จำนวน 19,047 คน-เที่ยว หรือลดลงร้อยละ 5.59)
    2.4 รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) จำนวน 2,379,732 คน-เที่ยว (มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 67 จำนวน 23,935 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.02)
    2.5 รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) จำนวน (สายสุขุมวิทและสายสีลม) 4,425,389 คน-เที่ยว (มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 67จำนวน 51,808 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.18)
    2.6 รถไฟฟ้าสายสีทอง จำนวน 139,173 คน-เที่ยว (มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 67 จำนวน 55,096 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.53)
    2.7 รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) จำนวน 241,332 คน-เที่ยว (มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 67จำนวน 38,506 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.98)
    2.8 รถไฟฟ้าสายสีชมพู จำนวน 288,266 คน-เที่ยว (น้อยกว่าเทศกาลปีใหม่ 67 จำนวน 86,032 คน-เที่ยว หรือลดลงขึ้นร้อยละ 22.98)

สำหรับด้านความปลอดภัย ตลอดช่วงวันหยุดต่อเนื่องของเทศกาลปีใหม่ 2568 รวม 7 วัน พบว่า มีอุบัติเหตุทางรางลดลงร้อยละ 20 และเหตุรถไฟฟ้าขัดข้องลดลงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมา โดยมีอุบัติเหตุทางราง รวม 8 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 1 รายและผู้บาดเจ็บ 3 ราย ประกอบด้วย ขบวนรถไฟชนรถยนต์ 2 ครั้ง (บาดเจ็บ 2 ราย) ขบวนรถชนโค 2 ครั้ง ผู้โดยสารกระโดดลงจากขบวนรถ 1 ครั้ง (บาดเจ็บ 1 ราย) รถไฟชนคนเดินเท้า 1 ครั้ง (เสียชีวิต 1 ราย) รถจักรดีเซลไฟไหม้ 1 ครั้ง รถจักรดีเซลชนไม้ค้ำเสาโทรเลขที่หัก 1 ครั้ง (เทศกาลปีใหม่ 2567 มีอุบัติเหตุ 10 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 3 รายและผู้บาดเจ็บ 1 ราย) ส่วนระบบรถไฟฟ้ามีเหตุรถไฟฟ้าขัดข้อง 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลา 14.25 น. รถไฟฟ้า Airport Rail Link ขบวนรถ Express03 ระบบเบรกขัดข้อง ที่สถานีปลายทางสุวรรณภูมิ (เทศกาลปีใหม่ 2567 มีรถไฟฟ้าขัดข้อง 2 ครั้ง) นอกจากนี้ รฟท. ได้จัดเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ปฏิบัติงานด้านการเดินรถ อาทิ พนักงานรถจักร พนักประจำบนขบวนรถ พนักงานประจำสถานี และผู้ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการเดินรถตลอดเทศกาลปีใหม่ 2568 รวม 616 ราย พบว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่มีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ทั้งหมด 616 ราย ซึ่งสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้ผู้โดยสารรระบบราง ที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่มีความพร้อมและสมรรถนะในการให้บริการอย่างปลอดภัย. -513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย