กรุงเทพฯ 2 ม.ค. – สมาคมค้าทองคำคาด ปี 2568 อาจเห็นราคาทองคำแตะ 46,000 บาท จับตาของนโยบาย “ทรัมป์ 2.0 – นโยบายการเงินกลุ่ม BRICS” เดินหน้าสะสมทองคำ- ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์
สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองวันนี้ (2 ม.ค.68) เปิดตลาด ราคาทองปรับลง 50 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำแท่ง ขายออก 42,600.00 บาท และทองรูปพรรณ ขายออก 43,100.00 บาท ส่วนเวลา 09.48 น. ปรับเปลี่ยนครั้งที่ 2 ลดลงอีก 50 บาท ทองคำแท่งขายออกที่บาทละ 42,550 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 43,050 บาท
นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า เริ่มต้นปี 2568 ราคาทองคำกระโดดขึ้นมาที่ 250 บาท ส่วนวันนี้ราคาทอง ปรับตัวลดลง เป็นไปตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น และยังมีโอกาสขยับเพิ่มขึ้น เป็นจังหวะที่ยังสามารถลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าค่าเงินบาทของไทยจะแข็งค่าสวนทางหรือไม่ มองในภาพภาพรวม ยังมีแรงซื้อจากนักลงทุน
ทั้งนี้ ปีที่แล้วราคาทองคำเติบโต 26-27% จากค่าเฉลี่ย 7-10% ต่อปี ถือว่าเติบโตสูงมาก ปัจจัยหลักจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ในปี 2568 แต่ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 เฟดปรับมุมมอง ว่าอาจปรับลดดอกเบี้ยน้อยลง เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ช่วงปลายปี 2567 ราคาทองปรับลดลง
ส่วนปีนี้คาดว่าราคาทองคำยังมีโอกาสแตะ 3,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนของไทยอาจมีโอกาสแตะถึง 46,000 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอดูนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 มกราคมนี้ ว่าจะส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำอย่างไรบ้าง เนื่องจากเมื่อมองย้อนกลับไปสมัยนโยบาย ทรัมป์ 1.0 ซึ่งมีนโยบายสงครามการค้าที่ส่งผลให้ทิศทางราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีนโยบายทางด้านการเงินของกลุ่มประเทศ BRICS ที่เดินหน้าสะสมทองคำต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังคงมีอยู่.-516-สำนักข่าวไทย