กรุงเทพฯ 28 ม.ค.-พาณิชย์ จับมืออียิปต์ตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า JTC คลอดแผนปฏิบัติการความร่วมมือเศรษฐกิจสองฝ่าย ปูทางขยายการค้าการลงทุนไทยสู่แอฟริกา
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนและการค้าต่างประเทศของอียิปต์ (นายฮัสซัน เอล-คาติบ) จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-อียิปต์ และแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอียิปต์ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 70 ปี ระหว่างสองประเทศในปี 2567 นี้ด้วย
นายพิชัยเสริมว่า การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ Joint Trade Committee (JTC) ไทย-อียิปต์ จะเป็นกลไกสำคัญสำหรับรัฐมนตรีการค้าของทั้งสองฝ่าย เพื่อใช้หารือนโยบายและแนวทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และสร้างความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนที่สองฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้กำหนดสาขาความร่วมมือทางเศรษฐกิจสำคัญที่สองประเทศจะร่วมมือกันในระยะ 5 ปี (ปี 2567-2572) ได้แก่ การค้าและการลงทุน เกษตรกรรม การรวมกลุ่มและเขตอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย
“อียิปต์เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพของไทย มีทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการขนส่งสินค้าทางทะเล เชื่อมโยงทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป ผ่านคลองสุเอซ และเป็นประตูการค้าสู่ประเทศอื่นๆ ในแอฟริกาและตะวันออกกลาง อียิปต์จึงมีศักยภาพสูงในการเป็นแหล่งกระจายสินค้าของไทย อียิปต์ยังมีนโยบายที่เปิดรับการค้าและการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ผมจึงเสนอให้จัดการประชุม JTC ไทย-อียิปต์ ครั้งที่ 1 ภายในครึ่งแรกของปี 2568 เพื่อเร่งใช้ประโยชน์จากกลไก JTC ดังกล่าว” นายพิชัยกล่าว
ปัจจุบัน อียิปต์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 ของไทยในทวีปแอฟริกา ในปี 2566 การค้าระหว่างกันมีมูลค่า 725.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียิปต์ 666.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากอียิปต์มูลค่า 58.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เคมีภัณฑ์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สินค้านำเข้าสำคัญจากอียิปต์ อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – ต.ค.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 592.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.46 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า.-511.-สำนักข่าวไทย