กรุงเทพฯ 20 ธ.ค. – องค์กรภาคตลาดทุน โดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตนารมณ์มุ่งยกระดับ “ธรรมาภิบาล” ของ บจ.ไทย หลังเกิดปัญหาหลายระลอก กระทบความเชื่อมั่น หุ้นไทยร่วง
แถลงการณ์ร่วมขององค์กรในภาคตลาดทุน เกี่ยวกับการดำเนินการที่อาจขัดต่อหลักธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน ระบุว่าธรรมาภิบาล (Good Corporate Governance) เป็นหลักการสากลที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายในบริบทของตลาดทุนไทย ทั้งนี้ ธรรมาภิบาลที่ดีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหลักทรัพย์และผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ช่วยรักษาเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของตลาดทุน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยในระดับสากล
บริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บริษัทจดทะเบียน) จึงมีพันธกิจที่สำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล โดยคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ
จากที่ปรากฏตามข่าวและสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทจดทะเบียนที่มีการเข้าทำธุรกรรมในลักษณะที่อาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี องค์กรที่เกี่ยวข้องในภาคตลาดทุนมีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงขอแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ดังนี้
จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและดำเนินการตามความเหมาะสมและตามอำนาจหน้าที่ จะร่วมกันยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงการทำรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงจะดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
ทั้งนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานธรรมาภิบาลที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนไทย อันจะนำไปสู่การพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ FETCO และอุปนายก สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่าสภาธุรกิจตลาดทุนไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ และการ พัฒนาธรรมาภิบาลในบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน นำไปสู่การเติบโตที่มั่นคง ยั่งยืน และความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกของตลาดทุนไทย
นายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ กรรมการผู้อำนวยการ Thai IOD กล่าวว่า ความยั่งยืนขององค์กรเริ่มที่ความเชื่อถือไว้วางใจจากประชาชน (Public Trust) หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะกรรมการบริษัททุกท่านจะทำหน้าที่เป็นสติให้กับองค์กร ทำงานร่วมกับ ผู้บริหารในการปลูกจิตสำนึกการมีธรรมาภิบาลที่ดีถ่ายทอดสู่พนักงานทุกระดับเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ปฏิบัติตาม กฎหมาย กฎเกณฑ์และมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีโดยสมาคมฯ คาดหวังให้ประธานคณะกรรมการเป็นผู้นำขององค์กรในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานของคณะกรรมการ เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของ กรรมการทุกคนอย่างรอบคอบ อยากเห็นกรรมการอิสระทำหน้าที่สะท้อนความคาดหวังและรักษาผลประโยชน์ของผู้ มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายตามความคาดหวังที่แท้จริง
นายไพบูลย์ นลินทรางกรู นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า นักวิเคราะห์ให้ความสำคัญอย่างมากกับ การมองเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพราะผู้ลงทุนแสวงหาการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งการเงินและ การทำให้สังคมดีขึ้น ESG ส่งผลต่อทั้งความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจ ความโปร่งใสเป็นหัวใจสำคัญของตลาดทุน หาก บริษัทจดทะเบียนมองเห็นคุณค่าของกำไรระยะสั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวก็จะถูกจับตาหรือถูก ต่อต้าน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและผลการดำเนินงานในที่สุด
นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และประธานคณะอนุกรรมการ ESG Collective Action กล่าวว่า ในฐานะผู้ลงทุนสถาบันที่ยึดมั่นในหลักความซื่อสัตย์สุจริต ระมัดระวังปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของผู้ ถือหน่วยลงทุนเป็นสำคัญ ขอย้ำถึงความกังวลของผู้บริหารและผู้จัดการกองทุนของ บลจ. ต่อประเด็นความเสี่ยงด้าน ESG โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ บลจ. ให้ความสำคัญสูงสุดควบคู่ไปกับผลประกอบการที่ดีคือด้านธรรมาภิบาลของ บริษัทจดทะเบียนไทยที่มีกรณีเกิดขึ้นหลายครั้งในปีนี้ ซึ่ง บลจ. ทุกแห่งได้รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อยกระดับการ ดำเนินการด้าน ESG Collective Action ให้กระชับและมีประสิทธิภาพ เพื่อตรวจสอบติดตามข้อเท็จจริง ตั้งคำถาม ประเมินผลกระทบและกำหนดแนวทางการลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นปัญหาดังกล่าวในทุก ๆกรณี และคาดหวังว่าจะเป็นพลังที่เข้มแข็งส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยอย่างมีคุณภาพ
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า การสื่อสารที่รวดเร็วและ ทั่วถึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ เสียทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ลงทุน เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุนในเวลาที่ทันเหตุการณ์ ซึ่งเกณฑ์การ เปิดเผยข้อมูลเป็นความจำเป็นพื้นฐานที่บริษัทจดทะเบียนต้องดำเนินการ แต่หากมีข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนซึ่งเป็นผู้ที่มี ส่วนได้เสียสำคัญต่อบริษัทอาจได้รับผลกระทบ ก็ควรสื่อสารให้ผู้ลงทุนและสาธารณชนได้รับรู้ด้วย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ลงทุนอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง ทันต่อการนำข้อมูล ประกอบการตัดสินใจลงทุน. -511- สำนักข่าวไทย