ศูนย์ประชุมฯ 19 ธ.ค. – “พิชัย ชุณหวชิร” อยากเห็นเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ชี้เหมาะกับเศรษฐกิจไทย ระบุหากเงินบาทอ่อนค่ากว่านี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันด้านส่งออกของไทย
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินกรุงเทพส่งท้ายปี ครั้งที่ 7 MONEY EXPO 2024 BANGKOK YEAR-END โดยกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% เมื่อวานนี้ว่า เป็นไปตามการพิจารณาของ กนง. แต่อยากเห็นเงินเฟ้อปรับขึ้นอยู่ในระดับกึ่งกลางที่ระดับ 2% จากกรอบเงินเฟ้อที่ 1-3% และอยากให้อยู่ที่ระดับ 2% อย่างต่อเนื่อง และอยากเห็นค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ โดยอยากเห็นค่าเงินบาทอ่อนค่ามากกว่านี้ ไม่ใช่ดูกันแค่ 3 เดือน ต้องดูกันยาวๆ ซึ่งหากเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสมจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยในสัปดาห์หน้าจะเสนอกรอบเงินเฟ้อ ปี 68 ในระดับ 1-3 % เข้าที่ประชุม ครม. รวมถึงจะเสนอมาตรการ Easy E-Receipt เข้า ครม. ในสัปดาห์หน้าเช่นกัน
สำหรับประเด็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรจะลดลงมากกว่านี้ หรือไม่ นายพิชัยตอบว่า หากเศรษฐกิจดีอัตราดอกเบี้ยก็ไม่ต้องผูกกับนโยบายมากนัก ซึ่งจริงๆแล้วดอกเบี้ยเป็นเรื่องของรายย่อยมากกว่ารายใหญ่ รายใหญ่จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการพิเศษดูแลรายย่อยที่มีประวัติการชำระที่ดี
นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากเห็นเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหากโตได้ถึงระดับ 3.5% และเงินเฟ้อที่ 2% ขนาดเศรษฐกิจจะใหญ่ขึ้น และจะทำให้ช่องว่างทางการคลังมีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพิ่มขึ้นได้
ส่วนกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่านายกรัฐมนตรีอาจมอบหมายให้กระทรวงการคลังศึกษาแนวทางการรับ Bitcoin ผ่านการใช้แซนด์บ็อก เช่น ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นั้น นายพิชัย มองว่า เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มช่องทางให้คนใช้เงินมากขึ้น แต่ถ้าหากว่าจะนำ Bitcoin มาใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ เป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องเป็นผู้พิจารณา ถ้าเห็นว่าเหมาะสมก็ให้เสนอมาตามขั้นตอน เหมือนกรณีที่เพิ่มเงินหยวนของจีน มาเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ.-516-สำนักข่าวไทย