กรุงเทพฯ 9 ธ.ค. – รมว.พาณิชย์ระบุ ผลการดำเนินการปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นรูปธรรมชัดเจน สั่งฟันนอมินี 747 ราย สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว-อสังหาริมทรัพย์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 2/2567 เพื่อเร่งออกมาตรการที่จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยระบุว่า ผลการดำเนินการปราบปรามในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าจากจีนผ่านช่องทางออนไลน์จะต้องแก้ปัญหาร่วมกันซึ่งปัญหาที่มีถือว่า เป็นส่วนน้อย ต้องแก้ไขปัญหาด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายพัฒนาการค้าร่วมกันได้อย่างต่อเนื่อง
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวพาณิชย์กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินการปราบปรามและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี ระหว่างวันที่ 1 ก.ย. – 4 ธ.ค. 2567 โดยได้ดำเนินคดีไปแล้ว 747 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจรวม 11,720 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจท่องเที่ยว 85 คดี อสังหาริมทรัพย์ 216 คดี ขนส่ง 10 คดี และธุรกิจอื่นๆ 436 คดี
นอกจากนี้ยังพบว่า การแก้ปัญหาการนำเข้าสินค้าจากจีนผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) ปี2567 เทียบกับช่วงก่อนบังคับใช้มาตรการปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมูลค่าการนำเข้าสินค้าจีนรวม ลดลงจาก จาก 18,680 ล้านบาท เหลือ 9,116 ล้านบาท หรือลดลงจาก เฉลี่ยเดือนละ 3,112 ล้านบาท เหลือเพียง 2,279 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงราว 27%
สำหรับผลการดำเนินการปราบปรามปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยแยกตามหน่วยงาน พบว่า กรมศุลกากรดำเนินคดีรวม 12,145 ราย มูลค่าความเสียหาย 529 ล้าน มีทั้งสินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินคดี 30,393 รายการ กับสถานประกอบการจำนวน 34 แห่ง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ดำเนินคดี 59 ราย มูลค่าความเสียหาย 33.6 ล้านบาท อาทิ นำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผ้บริโภค(สคบ.) ดำเนินคดี 159 ราย มูลค่าความเสียหาย 27.8 ล้านบาท เช่น สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นเท็จ หรือเกินจริง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายด้านฉลาก เป็นต้น กรมทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินคดี 177 ราย มูลค่าความเสียหาย 153 ล้านบาท และสำนักพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ดำเนินคดี 30,676 เรื่อง
ทั้งนี้คณะกรรมการวางแผนแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้นภายในเดือนธ.ค. 2567 สมอ. จะเร่งเพิ่มมาตรฐานสินค้าอีก 58 รายการ จากปัจจุบัน 144 รายการ รวม เป็นทั้งสิ้น 202 รายการ ล่าสุดพิ่มได้แล้ว 5รายการ อาทิ เหล็ก อีกทั้งจะเพิ่มอีก 53 รายการในปี 2568 ด้านอย. จะกักและเก็บตัวอย่างสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงก่อนการตรวจปล่อย เพิ่มชนิดสารที่จะตรวจสอบ พร้อมกับเฝ้าระวังในท้องตลาดด้วยการสุ่มตรวจผักผลไม้ และลงพื้นที่ตรวจสอบผักนำเข้า ส่วนกรมศุลการกรจะเข้มงวดการตรวจสอบสินค้านำเข้า เพิ่มอัตราการเปิดตู้จาก 20% เป็น 30% ขณะที่สคบ. จะติดตามและตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจที่โฆษณาขายสินค้าที่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคผ่านสื่อ สังคมออนไลน์ สิ่งพิมพ์ และป้ายโฆษณาต่างๆ รวมทั้งควบคุมการจัดทำฉลากสินค้าและคู่มือการใช้งานสินค้าเป็นภาษาไทยของสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศที่นำมาจำหน่ายในไทย เป็นต้น .512-สำนักข่าวไทย