กรุงเทพฯ 14 พ.ย.-บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF ) เผยไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 31,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% มีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) 4,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 6,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% คาดปีหน้าโตต่อเนื่องทุกธุรกิจเป็นไปตามแผน
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF ระบุ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โดยโครงการกัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 2 และ 3 ในเดือนตุลาคม 2566 และมีนาคม 2567 ตามลำดับ
ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2567 GULF รับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการ GPD หน่วยที่ 1-3 ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,987.5 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP กำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,540 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 1 ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ GULF รับรู้กำไรจากการดำเนินงานของโครงการ HKP หน่วยที่ 1 ในไตรมาสนี้ อีกทั้ง GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit ของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generation ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 150 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2566 เป็น 414 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567 ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับรายการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (property tax) ค้างจ่ายที่บันทึกไว้สูงเกินไปสำหรับปี 2566 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 326 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/2567 นี้ GULF รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากการลงทุนใน INTUCH จำนวน 1,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จาก 1,527 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการของ ADVANC ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกชดเชยจาก core profit ที่ลดลงของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา (maintenance expense) ของทั้ง 4 หน่วย
ที่เริ่มทยอยซ่อมบำรุงระหว่างไตรมาส 3/2566 – ไตรมาส 3/2567 และปริมาณการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ลดลง โดยมี load factor เฉลี่ยลดลงจาก 79% ในไตรมาส 3/2566 เป็น 69% ในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้า IPP 2 โครงการ และ SPP 7 โครงการภายใต้กลุ่ม GJP มีผลกำไรที่ลดลง เนื่องมาจากผลกระทบจากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เพิ่มขึ้นจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสนี้ อีกทั้ง โรงไฟฟ้า IPP 2 โครงการ ซึ่งได้แก่ GNS และ GUT มีปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ที่ลดลง โดยมี load factor เฉลี่ยที่ลดลงจาก 21% ในไตรมาส 3/2566 เป็น 7% ในไตรมาส 3/2567
ประกอบกับ โครงการโรงไฟฟ้า SPP 12 โครงการภายใต้กลุ่ม GMP มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลง จากราคาค่า Ft เฉลี่ยที่ลดลงในอัตราที่สูงกว่าการลดลงของราคาค่าก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย โดยค่า Ft เฉลี่ยลดลงจาก 0.68 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในไตรมาส 3/2566 เป็น 0.40 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในไตรมาส 3/2567 ในขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลงจาก 345.97 บาท/ล้านบีทียู ในไตรมาส 3/2566 เป็น 333.79 บาท/ล้านบีทียู ในไตรมาสนี้
นางสาวยุพาพิน คาดในไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ จะมีรายได้รวมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากโครงการต่าง ๆ ของบริษัทฯ ที่เปิดดำเนินงานตามแผน โดยโครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 (662.5 เมกะวัตต์) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ซึ่ง GULF จะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของหน่วยผลิตนี้ในไตรมาส 4/2567 นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) มีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 532 เมกะวัตต์ ในเดือนธันวาคม 2567 ประกอบกับในไตรมาส 4 เป็นช่วง high season ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ส่งผลให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul Corporation ในประเทศไทย และโครงการ BKR2 ในประเทศเยอรมนี คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น อีกทั้ง ผลการดำเนินงานของ ADVANC คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ใช้งานและ ARPU ที่เพิ่มขึ้น
“ในปี 2568 ผลประกอบการของบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายหลังการควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH เสร็จสิ้น เนื่องจากบริษัทใหม่ (NewCo) จะถือหุ้นโดยตรงใน ADVANC ในสัดส่วน 40.4% ซึ่งทำให้สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจ แบบมีเงื่อนไขก่อนทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) ของ ADVANC และ THCOM จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2567 – 1/2568 ทั้งนี้ การจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นไตรมาส 2/2568”นางสาวยุพาพิน กล่าว
ในปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,470 เมกะวัตต์ โดยโครงการโรงไฟฟ้า HKP หน่วยผลิตที่ 2 (770 เมกะวัตต์) จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 มกราคม 2568 อีกทั้ง โครงการ solar farms และ solar farms with battery energy storage systems มีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มเติมรวมอีก 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 600 เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ ในส่วนของธุรกิจนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปีหน้าบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเข้า LNG เป็นจำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 5 ล้านตัน เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC, GPD และ HKP
นอกจากนี้ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล GSA DC (data center) ของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งมีขนาด 50 เมกะวัตต์ โดยเฟสหนึ่งขนาด 25 เมกะวัตต์ อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและมีแผนที่จะเปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2568 ส่วนธุรกิจ cloud ที่บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนที่จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2/2568 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไปสู่บริการ อื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งได้แก่ AI และ cybersecurity อีกด้วย ส่วนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (digital asset exchange) ภายใต้แพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance ภายหลังจากการเปิดให้บริการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนและมีผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 20% อีกทั้งยังได้มีการคัดสรรคู่เหรียญใหม่ ๆ เพิ่มเติมลงบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน -511 สำนักข่าวไทย