“เอกนัฏ” ติวเข้มโมเดิร์นเทรดจำหน่ายสินค้ามาตรฐาน

กรุงเทพฯ 11 พ.ย. – “เอกนัฏ” เชิญโมเดิร์นเทรดชั้นนำของไทยกว่า 40 ราย หารือมาตรการขายสินค้าต้องมาตรฐาน พบกระทำผิดดำเนินการทางกฎหมายทุกกรณี


นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้ามาตรการป้องกันการผลิต นำเข้า และจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ภายใต้นโยบายปกป้องอุตสาหกรรมไทย สร้างความเท่าเทียม และสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับ SMEs โดยมีมาตรการออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่ต้องมีความปลอดภัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะสินค้าควบคุมทั้ง 144 มาตรฐาน ครอบคลุมสินค้า 308 ผลิตภัณฑ์ ที่จำหน่ายอยู่ในร้านค้า ห้างโมเดิร์นเทรด และร้านค้าออนไลน์ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด รวมทั้งยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน โดยเพิ่มจำนวนสินค้าควบคุมให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อประชาสัมพันธ์ ควบคุม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น รวมถึงมาตรการล่าสุดในวันนี้ ที่ได้เชิญผู้ประกอบการห้างโมเดิร์นเทรดชั้นนำของไทยกว่า 40 ราย ในฐานะผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ และผู้จำหน่ายสินค้ารายใหญ่ ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เข้าร่วมการสัมมนาเพื่อรับทราบนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ในการป้องกันการผลิต นำเข้า และจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน และการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน

ในช่วงเดือนนี้ ห้างโมเดิร์นเทรดหลายแห่ง ได้ออกแคมเปญ 11.11 เพื่อส่งเสริมการขายทั้งที่จำหน่ายหน้าร้านและในแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ขอความร่วมมือให้ทุกท่านตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่จำหน่ายด้วยว่าได้มาตรฐานหรือไม่ หากเป็นสินค้าควบคุม ต้องเป็นสินค้าที่มีเครื่องหมาย มอก. และมี QR Code ที่สินค้าเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบรายละเอียดของสินค้า และข้อมูลของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งเป็นช่องทางในการร้องเรียนในกรณีที่สินค้าไม่เป็นไปตามมาตรฐานตามที่ระบุไว้ด้วย


นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในรอบปีที่ผ่านมาระหว่างเดือน ก.ย.66-ก.ย.67 กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จำนวน 517 ราย ยึดอายัดสินค้ารวมมูลค่ากว่า 395 ล้านบาท สำหรับการสัมมนาในวันนี้ ได้เชิญผู้บริหารของห้างโมเดิร์นเทรดชั้นนำของไทยกว่า 40 ราย อาทิ แมคโคร เทสโก้โลตัส เซเว่น-อิเลฟเว่น ไทวัสดุ ดูโฮม โกลบอลเฮ้าส์ โฮมโปร บุญถาวร เซ็นทรัล เทอร์มินอลทเวนตี้วัน คิงเพาเวอร์ อินเด็กซ์ลีฟวิ่งมอลล์ บิ๊กซี อีเกีย และค็อกพิท เป็นต้น มาให้ความรู้ในการจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะสินค้าควบคุม เช่น ปลั๊กพ่วง สายไฟฟ้า พาวเวอร์แบงค์ ของเล่น และหมวกกันน็อค เป็นต้น ที่จำหน่ายอยู่ในห้างโมเดิร์นเทรด และรับทราบนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรมในการป้องกันการผลิต นำเข้า และจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โดยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไทย และคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน โดยขอความร่วมมือห้างโมเดิร์นเทรดให้จำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งตรวจสอบร้านค้ารายย่อยที่เช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าภายในห้างให้จำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมายด้วย

สำหรับบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน ทำ นำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตแต่ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับสินค้า มีโทษปรับไม่เกิน 3 แสนบาท ส่วนผู้โฆษณาและผู้จำหน่าย จำคุกไม่เกิน 6 เดือน มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบว่าสินค้าไม่แสดงรายละเอียดสินค้า เครื่องหมายมาตรฐาน และ QR code จะเอาผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้โฆษณา และผู้จำหน่ายขั้นเด็ดขาดโดยไม่มีการละเว้น. -512-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา จ่อแจ้งข้อหา “นุ-แซน” เพิ่มเติม และเชื่อว่ามีบุคคลอื่นที่ต้องถูกดำเนินคดีอีก ส่วน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ยังไม่ประสานเข้าพบหลังออกหมายเรียก

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน ยิงสู้ จนท.

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน จ.นครพนม หลังหนีข้ามมา จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ปิดล้อมเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่ไม่สำเร็จ คนร้ายยิงต่อสู้

ขู่ยื่นเอาผิด รมว.ดีอี ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ปชช.

รัฐสภา 3 ธ.ค. – กมธ.ไอซีที สว. ขู่ ยื่น ม.157 เอาผิด รมว.ดีอี ฉุนเกียร์ว่าง ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ประชาชน – ปล่อย “หมอบุญ” หนีลอยนวล จี้รัฐยกปราบหลอกลวงออนไลน์เป็นวาระแห่งชาติ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม คนที่หก วุฒิสภา แถลงผลการประชุมกมธ. เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งตรวจสอบกรณีการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้ลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงอาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรณีของนพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่พบกรณีฉ้อโกงและฟอกเงิน เป็นมูลค่าสูงกว่า 7,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในคดีดังกล่าวถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ห้วยขวาง แล้วปี 2566 แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งนพ.บุญเดินทางออกไปนอกประเทศและไม่มีการอายัดทรัพย์ ทั้งนี้ในการหลอกหลวงผ่านโฆษณาชวนเชื่อนั้น ทำผ่านโบรกเกอร์ที่หลอกลงทุน ทั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นนักลงทุนที่เคยลงทุนที่คุ้นเคยกับเครือโรงพยาบาลธนบุรี “จากการชี้แจงกรณี นพ.บุญของหน่วยงานที่ชี้แจง พบเป็นการโยนกลองกันไปมา ไม่มีหน่วยงานใดที่รับผิดชอบจริงจัง […]

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนสักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” เนืองแน่น

พุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศ รอต่อคิวเข้าสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ “พระเขี้ยวแก้ว” ที่ท้องสนามหลวง กันอย่างเนืองเเน่น

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

นายกฯ นำ ครม.ทำบุญตักบาตรเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค.67

นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 189 รูป ที่ท้องสนามหลวง ก่อนวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567