“พิชัย” มองหลังได้ผู้นำสหรัฐ สงครามการค้าจะรุนแรงขึ้น

ก.คลัง 4 พ.ย. -“พิชัย” รมว.คลัง มองหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ สงครามการค้าจะรุนแรงมากขึ้น ไทยควรปรับโครงสร้างการลงทุนรองรับ ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนสำคัญมากขึ้น เพราะรูปแบบการส่งออกเปลี่ยน หลายประเทศหันมาดูแลค่าเงิน แต่รัฐบาลคงไม่ไปแทรกแซง


นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้ว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ใครจะได้เป็นประธานาธิบดี ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ หรือ กมลา แฮร์ริส สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน ก็จะรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น ไทยจึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการลงทุนในประเทศ ให้มีสัดส่วนของ Local Content ให้สูงขึ้นและเพิ่มความเป็นเจ้าของ เพื่อลดการกีดกันทางการค้า ไม่ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็มีปัญหาทั้งนั้น เพราะเขาต้องยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก เมื่อก่อนสหรัฐ เป็น one way show แต่ตอนนี้มีขั้วอำนาจอื่นๆ ขึ้นมาแข่ง สหรัฐฯ เองก็ต้องปรับนโยบาย

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ประเทศไทยคือหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ จึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนต่างชาติ ทยอยย้านฐานมาลงทุนประเทศไทย และยื่นขอ BOI จำนวนมาก เพียงแต่ว่าหลังจากที่นักลงทุนย้ายมาลงทุนที่ไทยแล้ว สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการต่อก็คือ การทำให้การผลิตมี local content มากขึ้น และเป็นความคิดของเราเอง โครงสร้างความเป็นเจ้าของก็ต้องเป็นคนไทย ซึ่งจะได้เป็นการผลิตในไทย คิดในไทย และส่งออกโดยไทยที่แท้จริง ซึ่งเราจะต้องเร่งพัฒนาตนเอง ไม่ใช่ว่าเอารูปแบบ เอาความคิดของเขามาประกอบในประเทศเท่านั้น เราจะต้องเริ่มทำให้เป็นของเราเอง


ในส่วนของสถานการณ์ค่าเงินบาท ตนเองมองว่า ค่าเงินบาทจะแข็งค่าหรือจะอ่อนค่านั้น ต้องมองใน 2 ประเด็นคือ หากค่าเงินบาทอ่อนจะต้องอ่อนให้น้อยกว่าประเทศคู่แข่ง เพราะว่าเขาเองก็ส่งออกเหมือนกัน ส่วนประเด็นที่ 2 คือ กรณีเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งก็มีผลกับทุกประเทศ เมื่อค่าเงินต่างกันมากเงินก็จะไหลกลับสหรัฐฯ ซึ่งวันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะไทยมีสภาพคล่องและมีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ วันนี้ปัญหาคงไม่เยอะมากนัก แต่สิ่งที่อยากเห็นมากกว่าคือความสามารถในการส่งออก หากมองในระยะสั้นๆ มีบางช่วงที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น บางช่วงที่บาทอ่อนค่า แต่อยากให้มองระยะยาว ไม่ใช่มองแค่ 3 เดือน หรือ 6 เดือน หรือ 1 ปี หากมองย้อนหลังหายๆปี และมองไปข้างหน้า เราไม่เสียเปรียบใช่หรือไม่

“อัตราแลกเปลี่ยนเริ่มทวีความสำคัญมากขึ้น หลายประเทศที่เคยใช้เงินเฟ้อ ก็ต้องหันมาดู เพียงแต่จะดูอย่างเปิดเผย หรือไม่เปิดเผยมากนั้น แน่นอนว่าเราก็คงไม่ไปแทรกแซงจนอะไร ทุกประเทศก็ดูแลของตัวเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมคิดว่าอัตราแลกเปลี่ยนเริ่มทวีความสำคัญโดยเฉพาะตอนนี้การส่งออกรูปแบบก็เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงสำคัญ” นายพิชัย กล่าว

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ตนเองบอกว่าทุกคนเห็นตรงกันหมด เพราะมีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวโดยมาตรการกระตุ้นระยะกลาง และระยะยาวส่วนใหญ่จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีทั้งโครงการที่รองรับการลงทุนใหม่ที่เป็นภาครัฐ รองรับการลงทุนจากภาคเอกชน เพราะฉะนั้นมาตรการเหล่านี้เราก็เดินหน้าได้เลย เป็นมาตรการที่ทำให้ต้นทุนของภาคเอกชนสามารถแข่งขันได้ เช่น เรื่องการเดินทาง โลจิสติกส์ ซึ่งต้องเดินหน้าตั้งแต่วันนี้ เพราะฉะนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องมานั่งถามกันทุกสัปดาห์ แต่สิ่งที่เราจะต้องกระตุ้นมีความหมายเพราะว่าที่ผ่านมา เศรษฐกิจบ้านเราอ่อนแอก็ต้องกระตุ้น ก็คือทำอะไรที่มันเร็วเร็วเพื่อคนที่อยู่ในตอนนี้ จะสามารถฟื้นและแข็งแรงเพื่อรองรับการเติบโตในระยะกลางและระยะยาวต่อไป สิ่งที่เราคุยในตอนนี้ก็คือมาตรการระยะสั้น ซึ่งก็ต้องดูสถานการณ์ด้วยว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรก็ต้องปรับเปลี่ยนตามรูปแบบ. -517-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

สุดจึ้ง! ซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด รายได้ครึ่งล้านต่อเดือน

“คุณจารุวรรณ” วัย 78 ปี พร้อมครอบครัว ช่วยกันคิดค้นสูตรซาลาเปาแฟนซีเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง ส่งขายทั่วทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้า

เจ้าของคลินิกซิ่งชนไรเดอร์ตกสะพานเสียชีวิต

เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซิ่งเบนซ์ชนไรเดอร์หญิง ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิต วัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ก่อเหตุ สูงเกินกฎหมายกำหนด

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ข่าวแนะนำ

“ฟิล์ม” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “พยายามกรรโชกทรัพย์-หมิ่นประมาท”

มาตามนัด! “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ปมคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท “ดิไอคอนกรุ๊ป”

ผลสอบครูเบญ

ศธ.สรุปผลสอบปม “ครูเบญ” ยืนยันผิดพลาดในการตรวจ-ประกาศข้อสอบ

ศธ.สรุปผลสอบข้อเท็จจริงกรณี “ครูเบญ” ยืนยัน เกิดความผิดพลาดในการตรวจและประกาศข้อสอบ ส่งกระดาษคำตอบของครูเบญ และครูที่สอบได้ ให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจ ไม่พบการแก้ไขกระดาษคำตอบ ด้าน ศธ.เยียวยาให้ครูเบ็ญ แต่เจ้าตัวปฏิเสธ ขอกลับไปทำงานที่เดิม

ปล่อยลูกเรืองประมงไทย

“ภูมิธรรม” ย้ำปล่อย 4 ลูกเรือประมงไทยวันนี้-ไม่มีเงื่อนไข

“ภูมิธรรม” ย้ำปล่อย 4 ประมงไทยวันนี้ โดยไม่มีเงื่อนไข ล่าสุดนำตัวมาที่เกาะสองแล้ว เชื่อหลังจากนี้จะมีมาตรการป้องกันการรุกล้ำน่านน้ำของสองประเทศ